หน้าร้อนนี้เพื่อน ๆ เตรียมตัวพร้อมกันแล้วหรือยัง? ที่จะป้องกันไม่ให้ผิวสวย ๆ ของคุณถูกแดดร้อนแรงเผาจนไหม้เกรียม หลายคนคงกำลังยืนงงอยู่หน้าชั้นวางครีมกันแดดที่ละลานตา หลากหลายยี่ห้อ ทั้งแบบโลชั่น แบบสเปรย์ แบบกันน้ำหรือไม่กันน้ำ ค่า SPF, PA+ ยืนอ่านกันให้ตาลายเลยทีเดียว แล้วเราควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งานและปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้ดีที่สุด วันนี้แม่บ้านมีคำตอบมาฝากเพื่อน ๆ แล้วคะ

1. UV-A จะเป็นตัวที่ทำให้ผิวของเราแก่ก่อนวัย และหน้าคล้ำได้ ฉะนั้นเวลาไปทะเล แล้วผิวคล้ำก็ให้รู้ไว้ว่าเกิดจากการทำร้ายของรังสี UV-A นั่นเอง

2. ส่วนรังสีจาก UV-B Burning จะเป็นตัวที่ทำให้ผิวไหม้แดด เกรียมแดด อย่างกรณีไปอาบแดดแล้วผิวไหม้ ผิวเกรียม ก็เกิดจาก UV-B ฉะนั้นเวลาเลือกครีมกันแดดควรเลือกครีมกันแดดที่ป้องกันทั้ง 2 อย่าง ไม่ว่าจะ UV-A และ UV-B

3. SPF หมายถึง ประสิทธิภาพของครีมกันแดดที่ปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด วิธีดูประสิทธิภาพการป้องกันแดดสามารถทำได้ง่าย ๆ สำหรับคนผิวขาวให้นำตัวเลขค่าของ SPF (?) x 5=? สำหรับคนผิวคล้ำ SPF (?) x 15=? แค่นี้เราก็จะรู้ระยะเวลาในการป้องกันแสงแดดของครีมกันแดดของคุณแล้ว ดังนั้นการที่ครีมกันแดดของคุณมีค่า SPF สูง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถปกป้องได้ดีตามไปด้วยนะคะ

4. PA เป็นตัวที่ใช้ป้องกันผิวจาก UV-A ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับ คือ PA+, PA++ และ PA+++ โดยที่ PA+++ มีค่าการป้องกันสูงที่สุด PA+ นั้นเหมาะกับการป้องกันทั่ว ๆ ไป ส่วนผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีระดับการป้องกัน PA++ ขึ้นไป

5. ส่วน ครีมกันแดดแบบกันน้ำ นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวผลิตภัณฑ์สามารถป้องกันแสงแดดได้ตลอดเวลา เมื่อเหงื่อออก หรือเมื่อลงน้ำประสิทธิภาพในการกันแดดจะลดลง ส่วนใหญ่แบบที่เป็น Waterproof หรือ Water Resistant จะทนน้ำได้ไม่เกิน 60 นาที ก็เสื่อมประสิทธิภาพ และแบบที่เป็น Very Water Resistant จะอยู่ได้ไม่เกิน 80 นาที เท่านั้น