รู้ทันอาการบอกโรค
อาการของผู้ที่ติดรสหวานจนอยู่ในข่ายเสพติดน้ำตาลจะมีความต้องการและอยากกินอยู่เสมอ จะมีความรู้สึกหดหู่ซึมเซาในช่วงระหว่าง10.00 และประมาณ15.00 น.เนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือแม้แต่ตอนลดน้ำหนักจะลดได้ยากมากและรู้สึกอยากรับประทานอาหารที่มีรสหวานอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่ได้รับประทานจะรู้สึกหงุดหงิดง่าย และอาจจะเกิดอาการง่วงหาวนอนตลอดเวลา เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดมากจนเลือดเป็นกรด ร่างกายจะไม่ส่งเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองทำให้สมองขาดเลือด เราจึงง่วงซึมคิดอะไรไม่ออกไปทั้งวัน
โรคที่มากับความหวาน
เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งเกิดจากร่างกายเรามีน้ำตาลเชิงเดี่ยวจากนน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง ผลไม้ หรือน้ำตาลที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ วิ่งเข้าสู่กระแสเลือดเป็นจำนวนมากจนทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดทำให้เกิดการอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง
คนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสหวานเกินไป มักขี้หงุดหงิด ขี้โมโห เพราะการมีน้ำตาลในเลือดมากทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักและขับอินซูลินออกมามากเกินไป เมื่อมีอินซูลินในสมองมากก็จะเครียดจนกลายเป็นคนโมโหง่ายควบคุมอารมณ์และสติไม่ค่อยได้
ทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะน้ำตาลคืออาหารของเชื้อโรค ดังนั้นคนที่มีน้ำตาลในเลือดหรือในร่างกายมากเกินไปจะทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ สังเกตได้ง่าย ๆ จากคนเป็นโรคเบาหวาน
อาจทำให้มีอาการปวดหัวเรื้อรังหรือเป็นไมเกรน สิวขึ้นและหายช้ำ เกิดแผลพุพอง มักจะเป็นตะคริวเวลามีประจำเดือน มีโอกาสพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง วัณโรค โรคหัวใจ และมะเร็งตับได้
ในรายที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จะเกิดซีสต์ที่รังไข่ ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความดันสูง นิ่ว ไต เบาหวาน เส้นเลือดหัวใจตีบ และไขมันแทรกในตับได้อีกด้วย เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีตั้งแต่วันนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติหวานในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย และที่สำคัญหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคจากความหวานได้ครับ