จิงจูฉ่าย พืชสมุนไพรที่ควรมีไว้ติดบ้าน

หน้าแรก      สาระน่ารู้
ถูกใจ
0    71,536    30    13 ม.ค. 2560 16:51 น.   
แบ่งปัน
จิงจูฉ่าย พืชสมุนไพรที่ควรมีไว้ติดบ้าน

พืชมงคลประจำถิ่นภาคเหนือ มีชื่อเรียกสวยหรูว่า “แก้วเมืองอินทร์” ผู้เฒ่าผู้แก่จะนำดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมนวลเย็นๆ ใช้สักการะบูชาเวลาไปทำบุญที่วัด ออกดอกมากในช่วงเดือนกันยายน ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบริเวณที่ปลูก ส่วนใบสีเขียวเข้มคนไทยไม่นิยมนำมารับประทานเท่าไหร่นัก แต่ชาวจีนนิยมชมชอบ และปลูกกันเป็นไม้กระถางติดบ้านไว้ เนื่องจากมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ชาวจีนเรียกพืชชนิดนี้ว่า “จิงจูฉ่าย”
 
จิงจูฉ่าย ลักษณะใบมีแฉก ทรงใบคล้ายกับขึ้นฉ่าย แต่มีเนื้อใบหนากว่า และกลิ่นไม่ฉุนรุนแรง แถมด้วยรสขมเล็กน้อย คล้ายกับที่โบราณว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ชาวจีนนิยมรับประทานจิงจูฉ่ายกันมาก ไม่ว่าจะนำมาต้มกับแกงจืด หรือรับประทานสด ๆ ซึ่งแพทย์จีนเชื่อว่าเป็นยาเย็น (หยิน) เมื่อรับประทานแล้วจะช่วยในเรื่อง บำรุงปอด ฟอกเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี ในส่วนต้นและใบมีน้ำมันหอมระเหยประกอบด้วย ไลโมนีน ซิลินีน และสารไกลโคไซด์ มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ สำหรับเมล็ดมีโซเดียมต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้เป็นโรคไต ส่วนผู้ที่เป็นโรคมะเร็งทางการแพทย์จีนแนะนำให้นำใบสดประมาณ 1 กำมือ คั้นผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วดื่มก่อนอาหารเช้า-เย็นขณะที่ท้องว่าง จะช่วยบรรเทาโรคได้ หรือรับประทานสดๆ สักวันละใบสองใบก็ได้เช่นกัน...

ถึงแม้ว่าชาวจีนจะนิยมรับประทานกันมากแต่ก็ไม่มีจิงจูฉ่ายให้เห็นบ่อยนักในท้องตลาด เพราะเชื่อว่าเป็นพืชที่ปลูกไว้รับประทานกันเองในบ้าน ปลูกในกระถางได้ ต้นแตกใบมาก เมื่อเด็ดใบออกจะแตกออกใหม่ ทำให้มีรับประทานกันตลอดปี อารมณ์คล้ายบ้านเราที่นิยมปลูกใบกะเพรา ใบโหระพาไว้รับประทานกันเองนั่นล่ะค่ะ วิธีการเก็บใบจิงจูฉ่ายที่ถูกต้อง คือ ให้เด็ดเฉพาะใบ หรือส่วนยอดมาปรุงอาหาร (สำหรับคนที่ปลูกเอง) แต่ถ้าเป็นการปลูกเพื่อขายให้ใช้กรรไกรตัดที่โคนต้น ในช่วงก่อน 7 โมงเช้า จากนั้นนำมาวางในลังแล้วคลุมด้วยผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ใบเหี่ยว....
สาระน่ารู้อื่นๆ