หลายคนคงเข้าใจว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มดีต่อผ้าทุกชนิด เพราะคุณสมบัติของมันที่ช่วยให้ผ้าเรียบนุ่ม รีดง่าย ลดการยับของผ้าและหอมขึ้น แต่ที่จริงแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ไม่ได้เหมาะกับผ้าทุกชนิดเสมอไป กลับทำลายเนื้อผ้ามากกว่าทำให้นุ่มด้วยซ้ำ เนื่องจากมันมีข้อเสียบางอย่าง เช่น ทำให้ผ้าดูดซับความชื้นได้น้อยลง หรือผ้าจะมีความทนไฟลดลง แล้วจะมีผ้าชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มและจะมีวิธีซักแบบใด
 
ผ้าคอตตอน
เป็นผ้าที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศและซับเหงื่อได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องการติดไฟง่าย จึงจำเป็นที่ต้องแยกออกจากการซักที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะในน้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีสารเคมีที่ทำให้ผ้าติดไฟได้ง่ายขึ้น
วิธีการซักผ้าคอตตอน
ใช้วิธีซักผ้าด้วยมือหรือจะแช่ในน้ำเกลือทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำไปซักตามปกติก็ได้เช่นกัน เพราะจะช่วยถนอมและไม่ทำให้ผ้าย้วยหรือหด

ผ้าไมโครไฟเบอร์
เป็นเส้นใยที่ละเอียด สามารถซอกซอนและสามารถดูดซึมซับสิ่งสกปรกได้ดี แต่จริง ๆ แล้วไม่ควรใช้กับน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะจะไปเกาะแล้วทำลายเส้นใยให้อ่อนนุ่มลงจนดูดซึมสิ่งสกปรกไม่ได้อีกต่อไป
วิธีซักผ้าไมโครไฟเบอร์
ควรซักด้วยมือ โดยนำผ้าไปซักน้ำเปล่าก่อน เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก บิดให้หมาดๆ ให้น้ำเหลืออยู่บ้าง แล้วนำสบู่มาถู ให้ทั่วทุกด้าน ขยี้ด้วยมือให้สะอาด เสร็จก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพื่อรักษาเนื้อผ้าไม่ให้กระด้างและที่สำคัญห้ามตากโดนแดดเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าแข็ง
 
ผ้าชุดออกกำลังกาย
ทำมาจากผ้าสเปนเด็กซ์หรือทำจากเส้นใยสังเคราะห์  ไม่เหมาะกับการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างยิ่ง เพราะชุดประเภทนี้มีกระบวนการผลิตที่ช่วยซึมซับเหงื่อ เมื่อนำไปซักกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม จะทำให้สารเคลือบช่วยลดการระคายเคืองของผิวหายไป และคุณสมบัติของผ้าก็จะลดน้อยลงไปด้วย
วิธีซักชุดออกกำลังกาย
ซักผ้าด้วยมือในน้ำสบู่อ่อน โดยห้ามบิดผ้าโดยเด็ดขาด ควรจะใช้มือค่อยๆ บีบไล่น้ำออกจากชุด และห้ามตากโดนแดด ให้ตากในที่โปร่งและอากาศถ่ายเทได้สะดวก
 
ถึงแม้น้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีกลิ่นหอมชวนให้สูดดม แต่รู้หรือไม่ว่า ประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายหลายชนิด ได้แก่ เอทิล เอซิเทต, เบนซิน เอซีเทต, เบนซิน แอลกอฮอล์ และคลอโรฟอร์ม เป็นต้น ล้วนเป็นสารเคมีที่ต้องควบคุมให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายสุขภาพ อาทิ ทำให้เวียนศีรษะ ส่งผลต่อระบบประสาทและอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้