ก่อนหน้านี้แม่บ้านได้นำเสนอสรรพคุณของมะเขือยาวกับมะเขือพวงไปแล้ว แต่จริงๆ เรายังเหลืออีกหนึ่งมะเขือที่มักโดดเด่นอยู่ในเมนูแกงไทย นั้นก็คือมะเขือเปราะนั้นเอง
 
ผลกลมสีเขียวจาง ถ้ารับประทานผลอ่อนๆ รสชาติอมหวานอร่อย “มะเขือเปราะ” เป็นพืชที่มีอายุสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด และจะออกผลตลอดต่อเนื่องกันทั้งปี หลายบ้านจึงนิยมปลูกไว้รับประทาน เนื่องจากสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิดเช่นกัน โดยเฉพาะเมนูแกงเผ็ดของบ้านเรา ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบอ่อนและแก่ แต่ถ้านำมาทำยำควรเลือกใช้ผลอ่อนสีเขียวอ่อน หั่นเป็นแว่นบางๆ นิยมนำมายำพร้อมกับเนื้อย่างหรือกุ้งย่าง สำหรับเมนูน้ำพริกมะเขือเปราะเป็นผักเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบสด ต้ม ย่าง หรือนึ่ง อร่อยทั้งนั้น
 
มะเขือเปราะนับเป็นผักที่มากไปด้วยคุณค่า ใน 100 กรัม ให้พลังงาน 39 กิโลแคลอรี ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ไทอะมีน ไนอะซิน ไรโบฟลาวิน น้ำ 90.2 กรัม วิตามินAรวม และวิตามินC ทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียใช้รากมะเขือเปราะ รักษาอาการไอ หอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ ขับปัสสาวะ และขับลม ส่วนผลใช้ขับพยาธิ ลดไข้ ลดอาการอักเสบ ช่วยการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นทางเพศ จากงานวิจัยนานาชาติ (ปี พ.ศ.2510 - 2538 ) พบว่าผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด ส่วนผลตากแห้งนำมาบดผสมน้ำผึ้งใช้ปรุงเป็นยาแก้ไอ
 
ถ้าวันไหนเผลอซื้อเหล่าบรรดามะเขือมาเยอะเกินก็ลองนำเมนูที่แม่บ้านเคยแนะนำไปทำกันดูก็ได้ค่ะ ส่วนมะเขือเปราะ วันนี้น่าจะลองเอาไปทำยำดูก็ท่าจะดี งั้นเอาเป็นเมนู “มะเขือเปราะยำ” ก็แล้วกัน เริ่มจากซอยมะเขือเปราะเป็นเส้นหยาบๆ แช่น้ำเกลือหรือน้ำมะนาว ผสมยำโดยนำน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำต้มสุก คนให้เข้ากัน ชิมรสพักไว้สักครู่ จากนั้นเคล้ามะเขือเปราะ น้ำยำที่ผสมไว้ หมูบดรวนให้เข้ากัน จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว งาขาวคั่ว และถั่วลิสงบุบ แค่ก็มีเมนูมะเขือเพิ่มอีกหนึ่งแล้วค่ะ