1. การโขลกเครื่องแกงต้องโขลกด้วยความพิถีพิถัน โดยเริ่มจากโขลกเครื่องแห้งๆ อย่างพริกแห้งกับเกลือก่อน แล้วใส่สมุนไพรสดๆ อย่าง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด กระเทียม รากผักชี ตามลงไป ส่วนกะปิให้ใส่เป็นอย่างสุดท้าย เพื่อไม่ให้พริกแกงกระเด็น ที่สำคัญต้องโขลกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้น้ำแกงที่นวลกำลังดี ไม่มีพริกหรือเครื่องเทศสมุนไพรอะไรลอยขึ้นมา
 
2. แม้แกงส้มจะใช้เครื่องแกงน้อยกว่าแกงอื่นๆ แต่ปรุงรสยากกว่า เพราะต้องปรุงให้กลมกล่อมครบรส ทั้งรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และหวาน จากนั้นใส่ผักลงต้มจนสุกก่อนจึงใส่เนื้อสัตว์ตามลงไป แต่แกงส้มผักกระเฉดควรใส่เนื้อสัตว์ลงต้มจนสุกก่อน แล้วจึงใส่ผักกระเฉดเป็นลำดับสุดท้าย จากนั้นปิดไฟทันที เพราะหากต้มนานผักกระเฉดจะเหนียวเกินไป
 
3. แกงเลียงเหมาะกับการเก็บไว้รับประทานหลายมื้อ ไม่เน่าเสียง่าย เพราะไม่มีกะทิ โดยการแบ่งน้ำแกงเลียงสำหรับแต่ละมื้อ แยกใส่ถุงหรือใส่กล่องเย็นไว้ มื้อไหนจะรับประทานก็ค่อยออกมาอุ่นในหม้อแล้วใส่ผักลงไปต้มให้สุก เพราะถ้าใส่ผักลงไปตั้งแต่แรกแล้วแบ่งเก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อนำออกมาอุ่นอีกครั้ง ผักจะเละจนไม่น่ารับประทาน
 
4. แกงเผ็ดเนื้อสัตว์ที่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นสาบ เช่น แกงเผ็ดเนื้อ แกงเผ็ดปลา ให้เพิ่มปริมาณของสมุนไพรที่มีกลิ่น เช่น ข่าและผิวมะกรูด มากกว่าปกติ เพื่อดับกลิ่นคาวหรือกลิ่นสาบของเนื้อสัตว์