นิวซีแลนด์เตรียมรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกในปี 2025 ด้วยประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมที่โดดเด่น และการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ด้วยความโด่งดังในเรื่องของทิวทัศน์ที่งดงามและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา ประเทศนิวซีแลนด์พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาค้นพบเสน่ห์และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่น้อยคนจะรู้จัก พร้อมนำเสนอโครงการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟู
เที่ยวนิวซีแลนด์ปี 2025 มีอะไรใหม่?
นิวซีแลนด์ได้เดินหน้ายกระดับการพัฒนาประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใหม่ ๆ หลายแห่ง เช่น
Tuatapere Hump Ridge Track ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นเส้นทางเดินป่า Great Walk ลำดับที่ 11 ในเดือนตุลาคม 2024 พร้อมมอบประสบการณ์การเดินป่าที่ยอดเยี่ยมด้วยเส้นทางลูประยะทางยาวกว่า 61 กิโลเมตร ท่ามกล่งวิวเทือกเขาสุดตระการตา ป่าฝนอันเขียวชอุ่ม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาด
หรือสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มไวน์ ไร่องุ่น
Caldera Vineyard Estate ที่จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2024 นี้ก็พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับคุณ โรงกลั่นไวน์บูติกแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองอากาโรอา โดดเด่นด้วยทัศนียภาพอันงดงามและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย พร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ของโรงกลั่นไวน์สุดพิเศษ และสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองรสชาติการเดินทางแบบใหม่ ๆ โครงการ
Great Journeys New Zealand จะเปิดเส้นทางรถไฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งผสานประสบการณ์การชิมอาหารเข้ากับทิวทัศน์ที่สวยงามเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
และสำหรับเหล่านักผจญภัย ก็สามารถสัมผัสความตื่นเต้นบนเส้นทางใหม่ของหุบเขาคาวารัว (Kawarau Gorge Trail) ที่มีความยาวถึง 32 กิโลเมตร เตรียมกำหนดเปิดปลายปี 2025 นี้ โดยเส้นทางนี้ตั้งอยู่ในเซ็นทรัลโอทาโก เริ่มจากควีนส์ทาวน์และเชื่อมต่อไปยังเส้นทางยอดนิยมที่ลากผ่านหน้าผาเนวิส (Nevis Bluff) ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา พร้อมด้วยเรื่องราวเชิงวัฒนธรรมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทำเหมืองทองในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ยังพาดผ่านกิบส์ตัน วัลเลย์ (Gibbston Valley) และแบนน็อคเบิร์น (Bannockburn) ซึ่งพร้อมต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นและขึ้นชื่อในเรื่องของไร่องุ่นที่งดงาม
เส้นทางปูนามู (The Pounamu Pathway) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือกับเวตา เวิร์กช็อป (Wētā Workshop) จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2025 ซึ่งพร้อมมอบประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่ล้ำลึกผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสี่แห่งบนชายฝั่งตะวันตก ศูนย์บริการเหล่านี้จะนำตำนานของชาวเมารีและชุมชนโบราณกลับมาบอกเล่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอันล้ำสมัย ทำให้นี่เป็นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม
ผจญภัยในดินแดนที่น้อยคนนักจะรู้จักในของนิวซีแลนด์
นอกเหนือจากเส้นทางยอดนิยมแล้ว นิวซีแลนด์ยังเต็มไปเต็มไปด้วยสถานที่ที่รอให้ถูกค้นพบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไคโคอูรา (Kaikōura) ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดนานาชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการชมวาฬในเวลากลางวันและดื่มด่ำกับการชมหมู่ดาวที่สวยงามในยามค่ำคืน ขณะที่นอร์ทแลนด์ (Northland) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ "ดีที่สุดในโลก" ประจำปี 2025 โดย National Geographic ก็โดดเด่นไปด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาดและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของชาวเมารี
วังกานุย (Whanganui) ซึ่งได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นเมืองแห่งการออกแบบ โดดเด่นด้วยการผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับแนวคิดร่วมสมัย ชวนให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองนี้ ในขณะเดียวกัน เวสต์แลนด์ (Westland) ก็มีแหล่งอนุรักษ์ทางทะเลที่อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลและทิวทัศน์อันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นธารน้ำแข็งฟรานซ์โจเซฟ (Franz Josef Glaciers) หรือธารน้ำแข็งฟ็อกซ์ (Fox Glaciers)
ฮีลใจไปกับประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในนิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์เป็นผู้นำในด้านการท่องเที่ยวฟื้นสร้างยั่งยืน หรือ Regenerative Tourism โดยมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ช่วยปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรม เช่น ฮอว์คเบย์ (Hawke’s Bay) มีทัวร์ Cape Sanctuary ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัยและเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ส่วนโครงการ Southern Way สนับสนุนการเดินทางแบบเนิบช้า หรือ Slow Travel ไปทั่วเกาะทางใต้ เพื่อสร้างประสบการณ์อันลึกซึ้งร่วมกับธรรมชาติและผู้คนบนเกาะ
ในโอ๊คแลนด์ (Auckland) โครงการการท่องเที่ยวแบบฟื้นสร้างยั่งยืน Hotel Britomart Regenerative Travel Experience ของโรงแรม The Hotel Briomart มอบโอกาสสุดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวได้ปลูกต้นไม้พื้นเมืองและเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ในขณะเดียวกัน โครงการ
Treasures of Tāmaki Makaurau Auckland ที่จะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2025 ก็มีแนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมเมารี ส่วนควีนส์ทาวน์เองก็กำลังเดินหน้าสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวฟื้นสร้างยั่งยืนภายในปี 2030 ผ่านโครงการสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เช่น ‘Carbon Zero by 2030’ และ ‘Love Wānaka / Love Queenstown’ ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
วางแผนการผจญภัยปี 2025 ของคุณ
นิวซีแลนด์พร้อมสู่การเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของปี 2025 ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งแหล่งจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ แหล่งท่องเที่ยวที่เหล่านักผจญภัยมักไม่รู้จัก รอการถูกค้นพบ และโครงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน นิวซีแลนด์จึงพร้อมจะมอบประสบการณ์ที่เต็มอิ่มและมีความหมายให้กับนักท่องเที่ยวทุก ๆ คน
วางแผนการเดินทางของคุณได้แล้ววันนี้และไปค้นพบความมหัศจรรย์ของนิวซีแลนด์ไปด้วยกัน
สามารถรับชมภาพความละเอียดสูงเพิ่มเติมได้ ที่นี่