รพ.วิมุต จับเทรนด์โรคฮิตมนุษย์ออฟฟิศ รู้ทันภัยเงียบ ลุยเปิด 4 คลินิกเฉพาะทาง เจาะตลาดการดูแลสุขภาพของคนวัยทำงาน เผยคนไทยมีชั่วโมงทำงานเกินค่าเฉลี่ยโลก!

0    130    0    26 มิ.ย. 2567 14:23 น.   
แบ่งปัน

บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้าลุยกลยุทธ์การมอบบริการทางการแพทย์ที่ไร้รอยต่ออย่างเต็มรูปแบบ เปิด 4 คลินิกเฉพาะทาง รองรับ 4 กลุ่มโรคยอดฮิตในกลุ่มวัยทำงาน และรู้เท่าทันภัยเงียบ ได้แก่ คลินิกปวดศีรษะ, คลินิกกรดไหลย้อนและท้องผูก, คลินิกหัวใจเต้นผิดจังหวะ และคลินิกโรคจมูกและไซนัส เจาะตลาดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของคนวัยทำงาน กลุ่มประชากรที่เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผู้แบกรับทั้งภาระหน้าที่และความกดดันรอบด้าน จนเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากมายทั้งจากไลฟ์สไตล์ไร้บาลานซ์และความเครียดสะสม รวมถึงพร้อมรับมือภัยเงียบที่มาแบบไม่ทันรู้ตัวซึ่งอาจเสี่ยงต่อโรคร้ายจนอันตรายถึงชีวิต รพ. วิมุต เชื่อมั่น 4 คลินิกเปิดใหม่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการหันมาดูแลตนเองก่อนป่วยหนัก พร้อมมอบเฮลท์แคร์มาตรฐานระดับสากลที่ครอบคลุมการป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟู ภายใต้การดูแลที่ใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง เร่งสานต่อวิสัยทัศน์ในการสร้างเฮลตี้ไลฟ์สไตล์ให้คนทุกช่วงวัยเพื่อมุ่งสู่สังคมไทยสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
 
ในปี 2566 สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เผยว่าประเทศไทยมีประชากรวัยแรงงาน (อายุ 15 ปีขึ้นไป) ทั้งสิ้น 58.92 ล้านคน และจากผลสำรวจของสถาบันวิจัยจีเอฟเค ยังพบว่าคนไทยมีชั่วโมงการทำงานสูงถึงสัปดาห์ละ 50.9 ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่สัปดาห์ละ 40-44 ชั่วโมง โดยตัวเลขชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานเกินค่าเฉลี่ยของคนไทยสะท้อนถึงความเสี่ยงในการล้มป่วยของด้วยโรคฮิตคนวัยทำงานหลายโรค ที่ล้วนมีปัจจัยจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล การพักผ่อนน้อย-ออกกำลังกายไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ความเครียด ฝุ่นและมลภาวะ รวมถึงการนั่งจ้องหน้าจอเป็นเวลานานติดต่อกัน
 
นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า “รพ. วิมุต เล็งเห็นว่าปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ ของคนทุกเพศทุกวัย และโดยเฉพาะในประชากรวัยทำงานที่ได้กลายเป็นความท้าทายของหลายประเทศทั่วโลก เพราะช่วงวัยดังกล่าวถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ คนเหล่านี้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อทำงานหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ ละเลยสัญญาณที่ร่างกายแสดงออกมา บ่อยครั้งกว่าจะรู้ตัวก็ป่วยหนัก ในฐานะผู้ให้บริการเฮลท์แคร์แบบองค์รวมที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพยุคใหม่อยู่เสมอ รพ. วิมุต มุ่งมั่นมอบการดูแลสุขภาพที่เข้าใจของคนทุกวัยจึงได้เปิด 4 คลินิกเฉพาะทาง ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ ได้แก่ คลินิกปวดศีรษะ, คลินิกกรดไหลย้อนและท้องผูก, คลินิกหัวใจเต้นผิดจังหวะ และคลินิกโรคจมูกและไซนัส เพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยอดฮิต และผู้ป่วยที่มีอาการจากโรคที่เป็นภัยเงียบ อาทิ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกรดไหลย้อน โรคไมเกรน โรคไซนัสอักเสบ และโรคภูมิแพ้ ทุกการรักษาอยู่บนพื้นฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล ส่งมอบบริการทางการแพทย์ที่ไร้รอยต่อแบบครอบคลุม ด้วยจุดแข็งด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยตั้งแต่ป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟู ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการยุคใหม่โดยผสานความรู้ของทีมงานในทุกศูนย์เฉพาะทางที่ทำงานร่วมกันเพื่อส่งต่อและติดตามการรักษาตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างราบรื่น พร้อมรักษาเจาะลึกอาการและโรคด้วยความเชี่ยวชาญจากแพทย์เฉพาะทางที่มีความพร้อมในการรักษา โดยมีนวัตกรรมและเครื่องมือที่ทันสมัย เจาะลึกถึงสาเหตุต้นตอของโรค ทำให้ผู้ใช้บริการทุกคนมั่นใจและอบอุ่นใจได้”
 
ภายในงานเปิดตัว 4 คลินิกเฉพาะทาง แพทย์ผู้ชำนาญการได้ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงของโรค ตลอดจนสัญญาณเตือนของร่างกายที่ไม่ควรละเลยก่อนป่วยหนัก
 
นพ.กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท เผยสถิติโรคปวดศีรษะ ว่า "ผลสำรวจองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่าความชุกของโรคปวดศีรษะมีมากถึง 40% หมายความว่า ประชากรโลกราว 7 พันล้านคน มีคนปวดศีรษะถึง 3.1 พันล้านคน นอกจากนี้ ในจำนวนดังกล่าว เป็นโรคโมเกรนประมาณ 1 พันล้านคน โดย 15% ของผู้ปวดศีรษะรายงานว่าเป็นการปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการอักเสบติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง หรือมีเลือดออกในสมอง และสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตหรือพิการได้หากไม่รีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย สำหรับกลุ่มคนวัยทำงาน ต้องเน้นย้ำว่าแม้สาเหตุส่วนใหญ่ของการปวดหัวจะมาจากความเครียดการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็ยังมีปัจจัยกระตุ้นอีกมากมายที่ทำให้ปวดศีรษะ ไม่อยากให้ทำงานหนักจนละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย หากมีอาการปวดหัวเรื้อรังหรือปวดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อปวดมากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที รวมถึงหากมีอาการร่วม อาทิ ชา แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้ ภาพเบลอ หน้าเบี้ยว หมดสติ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และที่สำคัญไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด”
 
นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหาร เล่าถึงสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนและท้องผูกในกลุ่มคนทำงานว่า “โรคกรดไหลย้อนพบบ่อยมากในกลุ่มวัยทำงาน เพราะไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้กินอาหารไม่เป็นเวลา เคี้ยวไม่ละเอียด ความเครียดสะสม การกินของมันของทอด น้ำอัดลม รวมถึงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ก็ล้วนมีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนทั้งสิ้น ในไทยผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ โดยอาการที่เข้าข่ายกรดไหลย้อน รวมถึงแสบยอดอก กลืนลำบาก ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย หรือการขับถ่ายที่ไม่ปกติ เมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ก่อนเกิดอาการแทรกซ้อนจนอาจอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับท้องผูกเป็นอาการที่พบบ่อยในคนไทยเช่นกัน จากการเร่งรีบ ไม่เข้าห้องน้ำ เข้าไม่เป็นเวลา หรือ ข้ามการขับถ่ายไป โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 20 – 40 ปี พบว่าเป็นโรคท้องผูกถึงร้อยละ 57 และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยเรื่องการรับประทานอาหาร  ดื่มน้ำน้อย , การผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ รวมถึงภาวะเครียดก็ส่งผลต่อการขับถ่ายด้วย สิ่งที่น่ากังวลคือคนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องปกติและปล่อยทิ้งไว้จนอาการเรื้อรังและส่งผลต่อการใช้ชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลต่อความเสี่ยงถึงชีวิต ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งสองโรคนี้สามารถดีขึ้นได้ด้วยความตั้งใจของผู้ป่วยในการหันมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะหายจากโรคแล้วยังทำให้ไม่กลับไปเป็นซ้ำอีกด้วย
 
นายแพทย์ศรัณย์พงศ์ ภิบาลญาติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ เผยว่าโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภัยเงียบจากความเครียดที่ไม่ควรละเลย “โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตคู่วัยทำงาน เพราะการหักโหมทำงานจนเครียด พักผ่อนน้อย บวกกับการกินอาหารที่มีไขมันสูง-รสจัด ไม่ได้ออกกำลังกาย จึงทำให้ปัจจุบันคนเป็นโรคหัวใจได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน โดยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภาวะที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามธรรมชาติ จนส่งผลให้การบีบกล้ามเนื้อหัวใจ 2 ห้องบนไม่สัมพันธ์กัน โดยโรคนี้ถือเป็นภัยเงียบ เพราะร้อยละ 15 – 46 ของผู้ป่วยไม่มีอาการปรากฏ ส่วนสัญญาณเตือนที่พบบ่อย ได้แก่ อาการใจสั่น อ่อนเพลีย หายใจติดขัด และแน่นหน้าอก หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา หลายคนยังเข้าใจผิดว่าโรคนี้ไม่ร้ายแรง ทว่าหากเกิดอาการร่วมหรือปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ ก็อาจเสี่ยงเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว เกิดเป็นลมหมดสติไป อาจหมดสติขณะขับรถ หรือขณะข้ามถนน เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันสมอง สำหรับวิธีรักษาหัวใจให้แข็งแรง คือการหลีกเลี่ยงความเครียด เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนและสารสื่อประสาทหลายประเภทไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะได้ นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและโอเมก้า 3 รวมถึงผัก-ผลไม้ และธัญพืช ลดอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ และการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่สูงเกินไป เพราะเป็นการกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้น”
 
ผศ.พญ.กวินญรัตน์ จิตรอรุณฑ์ แพทย์เฉพาะทางสาขา นาสิกวิทยาและภูมิแพ้ อธิบายถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักเป็นไซนัสอักเสบแบบเป็น ๆ หาย ๆ “โรคไซนัสอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา โรคภูมิแพ้ มลภาวะทางอากาศ และความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน มีทั้งไซนัสอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศชื้นอย่างหน้าฝนแบบนี้ แต่ที่กลุ่มคนวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ เพราะมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก เช่น การอยู่ในที่อากาศเย็นหรือแห้งเป็นเวลานาน ๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลัน เพราะวัยทำงานส่วนใหญ่มักนั่งทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานาน และเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเมื่อต้องออกไปข้างนอก ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนวัยทำงานยังพักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะในรายที่เป็นหวัดแล้วไม่พักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำให้เยื่อบุภายในช่องจมูกและไซนัสบวม ทั้งยังไม่สามารถหาเวลาพักผ่อนให้หายดี ทำให้หลายคนมีอาการต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจนกลายเป็นเรื้อรังได้ นอกจากนี้ คนทำงานในเมืองใหญ่ที่มี PM 2.5 เยอะ ๆ ก็จะทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจอ่อนแอ อักเสบง่าย และกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิแพ้ให้รุนแรงขึ้นด้วย เพิ่มโอกาสในการป่วยเป็นไซนัสอักเสบมากขึ้นไปอีก สำหรับคนที่มีอาการปวดบริเวณใบหน้า ได้กลิ่นผิดปกติจากภายในจมูก น้ำมูกลงคอและน้ำมูกเขียวร่วมด้วย ควรมาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้อง”
 
แพทย์ผู้ชำนาญการโรงพยาบาลวิมุต ได้ทิ้งท้ายถึงการหมั่นตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทุกปีเพื่อรู้เท่าทันภัยเงียบที่อาจยังไม่แสดงอาการ และหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างจริงจังเพื่อสร้างเฮลตี้ไลฟ์สไตล์และห่างไกลโรคร้ายอย่างยั่งยืน พร้อมมอบแนวทาง 4 ข้อเพื่อสร้างสุขภาพดี ๆ ด้วยตนเอง ได้แก่ 1. อาหาร: รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารรสจัด 2. อารมณ์ หาวิธีจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เมื่อมีอาการเหนื่อยล้าและหมดแรงให้หาเวลาพักจากสิ่งที่ทำอยู่และฝึกการหายใจลึก ๆ เพื่อผ่อนคลาย 2-3 นาที 3. ออกกำลังกาย การนั่งอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ เสี่ยงหลายโรคอันตราย เช่น โรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หันมาลุกขึ้นยืนและเดินไปรอบ ๆ พื้นที่ทำงานทุก 30 นาที รวมถึงหาเวลาไปออกกำลังกายก่อนหรือหลังเลิกงาน 4. นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับคือการรีชาร์จร่างกายและสมองอย่างดีที่สุดเพื่อให้พร้อมใช้ชีวิตและรับมือกับงานตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ติดตามข่าวสารจากโรงพยาบาลวิมุต ได้ที่เว็บไซต์ www.vimut.com และโซเชียลมีเดียบน Facebook: www.facebook.com/
vimuthospital และ Instagram @vimut_hospital สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อโรงพยาบาลได้ที่ โทร. 02-079-0000
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
5 ร้านอาหารเครืออิมแพ็ค เมืองทองธานี แทนคำขอบคุณ มอบโปรโมชันบัตรกำนัลเงินสดร้านอาหาร แถมฟรี!  เมนูเลิศรสและคะแนนสมาชิก "อิมแพ็คแฟมิลี่" ตั้งแต่ วันนี้ - 31 มกราคม 2568 สำนักพิมพ์แม่บ้าน
5 ร้านอาหารเครืออิมแพ็ค เมืองทองธานี แทนคำขอบคุณ มอบโปรโมชันบัตรกำนัลเงินสดร้านอาหาร แถมฟรี! เมนูเลิศรสและคะแนนสมาชิก "อิมแพ็คแฟมิลี่" ตั้งแต่ วันนี้ - 31 มกราคม 2568
อิมแพ็คเมืองทองธานี ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ตลอดจนบริหารกิจการร้านอาหาร 18 แบรนด์ชั้นนำ ขอมอบโปรโมชันพิเศษ ต้อนรับปลายปี บัตรกำนัลเงินสดร้านอาหารสุดคุ้ม จาก 5 ร้านอาหารในเครือ ได้แก่ ร้านอาหาร "อิมแพ็คเลคฟร้อนท์" , ร้านอาหารจีน "ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน" , ร้านอาหารจีน "เฮยยิน" , ร้านอาหารญี่ปุ่น "สึโบฮาจิ" ปิดท้ายด้วย ร้าน “เดอะ คอฟฟี่ อะคาเดมิคส์" แทนคำขอบคุณ เมื่อคุณสั่งซื้อบัตรกำนัลเงินสด รับฟรี! คูปองเมนูอาหารเลิศรส พร้อมรับคะแนนพิเศษจาก "อิมแพ็คแฟมิลี่" พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย โดยสมาชิก "อิมแพ็คแฟมิลี่" สามารถสมัครฟรี! ไม่มีเงื่อนไขที่ร้านอาหารในเครืออิมแพ็ค ครบคุ้มค่า ห้ามพลาด มาเลือกซื้อบัตรกำนัลเงินสดจาก 5 ร้านอาหารชั้นนำเครืออิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้ในราคา 3,000 - 10,000 บาท เปิดจำหน่ายบัตรกำนัลเงินสด ตั้งแต่ วันนี้ - 31 มกราคม 2568 และใช้สิทธิ์บัตรกำนัลเงินสด ได้ตั้งแต่ วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568 พร้อมรับบัตรกำนัลฟรี! เมนูอาหารสามารถใช้ได้ ตั้งแต่ วันนี้ - 31 มีนาคม 2568 (จนกว่าจะแจ้งการเปลี่ยนแปลง)
ใหม่! ชีสซี่จ้อ จากห้าดาว เมนูน้องใหม่เอาใจสายชีส ฟินเต็มคำ อร่อยนัวยั่วใจ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ใหม่! ชีสซี่จ้อ จากห้าดาว เมนูน้องใหม่เอาใจสายชีส ฟินเต็มคำ อร่อยนัวยั่วใจ
ห้าดาว (FIVE STAR) เปิดตัว 'ชีสซี่จ๊อ (Cheesy Jor)' หรือ ไก่จ๊อรสชีส เมนูน้องใหม่! จะเป็นยังไงเมื่อเมนู “ไก่จ๊อ” เมนูท๊อประดับตำนานของห้าดาว กลับมาพลิกโฉมความอร่อยรูปแบบใหม่ เพิ่มรสชาติความนัวด้วยเชดดาชีสอย่างลงตัว อิ่มง่ายๆ ได้โปรตีนจากเนื้อไก่คุณภาพสูง ห่อฟองเต้าหู้ทอดเสิร์ฟร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน กลิ่นชีส หอม อร่อยเนื้อไก่เน้นๆทุกคำ รับรองความฟินจนหยุดไม่ได้! เหมาะกับทุกมื้อ ทุกโอกาสสำหรับทุกคน ในราคาพิเศษ 25 บาท (ปกติ 30 บาท) ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2568 สินค้ามีจำนวนจำกัดต่อวัน ช้าหมด อดนัว!!