นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อค (ไทย เวียตเจ็ท) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ และความร่วมมือในอนาคต ณ ห้องประชุม Multiverse ชั้น 10 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารซี
นายดิษทัต กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ไทย เวียตเจ็ท ครั้งนี้ เป็นการนำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเจ็ท ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว หรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) โดย SAF สามารถผสมเข้าไปกับน้ำมันเจ็ทเพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ OR และไทย เวียตเจ็ท จะร่วมมือกันพัฒนาพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับใช้กับอากาศยานในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบินต่อไป
นายวรเนติ เปิดเผยว่า สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังดำเนินโครงการ Fly Green อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้โดยสารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน และในเดือนกรกฎาคม 2567 ไทย เวียตเจ็ท จะนำน้ำมัน SAF ผสมกับน้ำมัน Jet A1 เพื่อใช้ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากประเทศไทยไปยังดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเตรียมความพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน
ความร่วมมือครั้งนี้ ยังสอดรับกับนโยบาย OR SDG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “G” หรือ “GREEN” หรือการสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผ่านมา OR สนับสนุนพลังงานสะอาดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ โครงการ Solar Rooftop หรือแม้แต่การใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) ในการขนส่งเมล็ดกาแฟ Café Amazon ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะใช้พลังงานสะอาดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของห่วงโซ่คุณค่า
นายดิษทัต กล่าวเสริมในตอนท้าย