คัพเค้ก (Cupcake) เบเกอรี่ชิ้นเล็ก ๆ จัดในถ้วยกระดาษทรงน่ารักถูกใจ เป็นของหวานที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก เพราะนอกจากจะมีรสชาติหวานอร่อยแล้ว ยังมีสีสันชวนมองอีกด้วย

คักเค้ก พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1828 ในหนังสือ Eliza Leslie’s Receipts cookbook ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งสมัยก่อนใช้วิธีการอบด้วยถ้วยกระเบื้อง

เริ่มแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ราวช่วงต้นศตวรรษที่ 19 คิดขึ้นมาเพื่อต้องการประหยัดเวลาในการทำจึงได้คิดทำเค้กเป็นถ้วยขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ แล้วต้นกำเนิดคำาว่า Cupcake นั้น นักประวัติศาสตร์ด้านอาหารคิดว่าน่าจะมาจาก 2 ทฤษฏี คือ มาจากการทำเค้กในถ้วย จึงเรียกว่า คัพเค้ก และมาจากเวลาทำเค้กชนิดนี้ ต้องใช้มาตราส่วนในการตวงเป็นถ้วย จึงเรียกว่า คัพเค้ก ส่วนขั้นตอนและส่วนผสมของการทำในสมัยก่อนนั้นง่ายมาก คือ เนย 1 ถ้วยตวง น้ำตาล 2 ถ้วยตวง แป้ง 3 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 4 ฟอง นม 1 ถ้วยตวง และผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นก็ผสมกันแล้วนำไปอบ ก็จะได้คัพเค้กออกมา ซึ่งเดิมทีขนมชิ้นนี้มีชื่อเรียกหลายอย่างด้วยกันคือ Number Cake, 1234 Cakes หรือ Quarter Cakes เนื่องจากเป็นเค้กที่ง่ายต่อการจดจำสูตรนั่นเอง ปัจจุบันมีการพัฒนาคัพเค้กให้หลากหลายขึ้น โดยเพิ่มส่วนผสมให้มากกว่าเดิม รวมถึงการตกแต่งให้สวยงามมากขึ้น จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

เนื้อเค้กสำหรับทำคัพเค้กมีหลายแบบด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน แต่แบบดั้งเดิมและเหมาะสำหรับทำคัพเค้กมากที่สุดคือ บัตเตอร์เค้ก เพราะมีเนื้อนุ่มปานกลางไม่ยุบหรือหดตัว คัพเค้กที่ดีจะต้องมีกลิ่นหอมของเนย รสชาติเข้มข้น เนื้อแน่นแต่นุ่มลิ้น และไม่แห้งเกินไป ส่วนด้านหน้าของคัพเค้กนั้นเราสามารถตกแต่งได้ตามใจชอบ อาจใช้ครีมทำเป็นสีต่าง ๆ นำาใส่กรวยแล้วบีบเป็นยอดแหลม หรืออาจจะราดด้วยช็อกโกแลตแล้วตกแต่งด้วยน้ำตาลปั้นก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นแล้วยังนิยมนำผลไม้มาตกแต่งหน้าคัพเค้กด้วย โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน ที่รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่น อาทิ เชอร์รี บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี สตรอว์เบอร์รี รวมถึงส้มด้วยเช่นกัน