เวลาพูดถึง
Charcoal ภาพอาหารสีดำ ลอยขึ้นมาทุกที ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ผง-ชาร์โคลที่เราใช้ทำอาหารที่เป็นสีดำ ก็คือผงถ่านชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ผงถ่านกัมมันต์ แต่จะเป็นถ่านคนละประเภทกับถ่านฟืนที่เราใช้ทำอาหาร เพราะลักษณะของผงถ่านกัมมันต์ จะมีอนุภาคเล็ก ๆ หรือเป็นผงเม็ดเล็กและมีรูพรุนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะนำมาใช้งาน
ผงชาร์โคลที่เรารู้จักคือส่วนผสมของอาหารอย่างหนึ่ง
ด้วยความที่กระแสนิยมของคนในยุคสมัยนี้ ชื่นชอบอาหารที่มีสีแปลกตา เทรนด์การทำอาหารให้เป็นสีดำจึงถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งอาหารสีดำที่เราเห็นกันตามท้องตลาดส่วนใหญ่ จะใช้ผงชาร์โคลเป็นส่วนผสม เพราะผงชาร์โคลเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติ จึงทำให้อาหารดูปลอดภัยไปด้วย แต่รสชาติจะออกจืด ๆ ไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไร ดังนั้นรสชาติของอาหารที่นำมาผสมนั้นควรจะต้องเข้มข้นสักหน่อย เพื่อให้เวลารับประทานคู่กันแล้วได้อรรถรสมากขึ้น สำหรับตัวอย่างอาหารที่นิยมใช้ผงชาร์โคลเป็นส่วนประกอบได้แก่ ขนมเปียกปูน เบอร์เกอร์ ไอศกรีม ขนมปัง เครป เค้ก เป็นต้น
ข้อควรระวังในการนำชาร์โคลมาใช้ประกอบอาหาร
สิ่งที่ทุกคนควรเข้าใจ คือ ชาร์โคลหรือถ่านกัมมันต์ ที่ใช้สำหรับย่างไม่ใช่สิ่งที่นำมาปรุงเป็นอาหาร ดังนั้นไม่ควรนำมาบดเป็นผงเพื่อนำไปประกอบอาหารด้วยตัวเอง เพราะในถ่านกัมมันต์ มีส่วนประกอบของสารบางชนิด โดยส่วนใหญ่จะใช้ กรด ผสมเข้ากับวัสดุเริ่มต้นเพื่อที่จะกัดสิ่งสกปรกออกจากรูเล็ก ๆ ซึ่งวิธีนี้จะเรียกว่า การกระตุ้นทางเคมี แต่ถ้าเป็นอีกวิธีหนึ่ง คือการนำวัสดุที่ทำมาจากพวกกะลามะพร้าว ไม้ หรือถ่าน จะถูกให้ความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง แถมยังต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน จนกว่าถ่านจะเกิดความพรุนในตัวมาก ๆ ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า การกระตุ้นด้วยไอน้ำ ดังนั้นผงชาร์โคลที่เรานำมาใช้ทำอาหารอาจจะบดมาใช้เองไม่ได้ทุกอัน แต่อาจจะต้องเลือกใช้ผงชาร์โคลที่ผ่านกระบวนการวิจัยและตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัยและเหมาะที่จะนำมาใช้ในอาหารของเรา