ถ้ากล่าวถึงอาหารโปรตีนเพื่อสุขภาพ เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมี “เนื้อปลา” เป็นตัวชูโรง คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ เจ้าเนื้อปลามันดีอย่างไร เพราะเหตุใดเขาถึงยกย่องกันว่าเนื้อปลาเป็นโปรตีนที่มาจากสวรรค์  วันนี้เรามาลองพิจารณาข้อเท็จจริงในแง่มุมต่าง ๆ ของเจ้าโปรตีนจากเนื้อปลากันครับ

เนื้อปลา เป็นอาหารประเภทโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ด้วยอุดมไปด้วยสารอาหารอย่างครบถ้วน เช่น เกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินชนิดต่าง ๆ ทั้ง วิตามินD วิตามินA อีกทั้งไขมันในเนื้อปลายังถือว่าเป็นไขมันที่ไม่ก่อให้เกิดเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เพราะเป็นกรดไขมันประเภท โอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นโปรตีนที่ย่อยได้ง่าย จึงเหมาะมากโดยเฉพาะกับช่วงวัยทารก เด็กที่กำลังเจริญเติบโต รวมทั้งผู้สูงอายุ

ไขมันจากปลาก็ยังมีประโยชน์ เนื่องจากมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ กรดไอโคซาเพนตะอีโน (EPA) และ กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง และระบบประสาทโดยเฉพาะในส่วนของ ความจำและการเรียนรู้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของจอประสาทตา ทั้งสองชนิดเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ และจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป

นอกจากกรดไขมันที่จำเป็นแล้ว ในแง่ของแร่ธาตุ การรับประทานเนื้อปลาเป็นประจำจะทำให้ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกระดูกและฟัน เนื่องจากในเนื้อปลาจะมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กในปริมาณค่อนข้างสูง และที่สำคัญในปลาจะมีปริมาณโซเดียม โปแทสเซียมและคลอไรด์ ค่อนข้างต่ำ ซึ่งแร่ธาตุทั้งสามมักก่อให้เกิดความดันโลหิตสูง

ข้อควรระวังในการบริโภคปลา ก็คือปริมาณไขมันในปลา เนื่องจากปลาบางชนิดมีไขมันสูง ดังนั้นอาจจะไม่ส่งผลดีนักกับ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว โดยที่เราสามารถจัดกลุ่มชนิดของปลาได้จากปริมาณไขมันในปลา ดังนี้
- ปลาที่มีไขมันต่ำมาก ได้แก่ ปลาไหล ปลากราย ปลานิล ปลากะพงแดง และปลาเก๋า
- ปลาที่มีไขมันต่ำ ได้แก่ ปลาทูนึ่ง ปลากะพงขาว ปลาจะละเม็ดดำ และปลาอินทรี
- ปลาที่มีไขมันปานกลาง ได้แก่ ปลาสลิด ปลาตะเพียน และปลาจะละเม็ดขาว
- ปลาที่มีไขมันสูง ได้แก่ ปลาช่อน ปลาสวาย ปลาดุก และปลาสำลี