ผักปลังเป็นผักพื้นบ้านที่สามารถพบเห็นได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ซึ่งทางภาคเหนือมีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ผักปั๋ง” ขึ้นง่ายในทุกสภาพดิน แต่เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชื้น ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน โดยแตกต่างกันที่สีของลำต้น ผักปลังสีเขียว หรือเรียกอีกอย่างว่าผักปลังขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Basella alba Linn. ลำต้นจะมีสีเขียวธรรมชาติ ส่วนอีกชนิดเรียกว่าผักปลังแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Basella rubra Linn. ลำต้นจะมีสีม่วงอมแดง
ผักปลังเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีประโยชน์ทั้งต้น เมื่อนำก้านของต้นสดมาต้มกิน จะมีฤทธิ์เย็นแก้ตัวร้อน ลดไข้ แก้พิษฝี และแก้ท้องผูกได้ เพราะเมือกที่อยู่ในลำต้นจะมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ ใบช่วยในการขับปัสสาวะ แก้การอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ เมื่อนำใบไปคั้นน้ำแล้วนำมาทาบนผิวจะช่วยบรรเทาอาการผื่นคันและกลากให้ทุเลาลง ดอกใช้เป็นยาดับพิษในกระแสเลือดและแก้เกลื้อนบนผิวหนัง และรากแก้อาการมือด่างเพียงนำไปตำแล้วมาปิดแผล ใช้สระผมแก้รังแคบนศีรษะ เมื่อต้มกินจะช่วยบรรเทาพิษพรรดึกซึ่งเป็นอาการต่างๆ ที่เกิดจากท้องผูกหรืออุจจาระที่เป็นก้อนแข็งกลม
นอกจากผักปลังจะเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการต่างๆ โดยสามารถนำไปต้มจิ้มน้ำพริกกินเป็นอาหารก็ได้เช่นกัน สำหรับคุณค่าทางโภชนาการของผักปลังนั้น ล้วนอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม เกลือแร่ วิตามิน A, B และ C สูง รวมทั้งเบต้าแคโรทีน ซึ่งเมื่อได้กินเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินบำรุงสายตาทันที แถมยังสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังเป็นผักที่มีเส้นใยอาหารสูงกว่าผักพื้นบ้านหลายชนิดและยังมีฤทธิ์ในการช่วยต้านทานอนุมูลอิสระอย่างน่ามหัศจรรย์