ถึงจะดูใสๆ ไม่มีอะไร แต่น้ำซุปนี่แหละค่ะที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำเมนูต้มทั้งหลาย บางคนก็ใช้ผัดด้วยพอให้มีน้ำขลุกขลิกกลมกล่อม ใครใช้น้ำซุปชนิดไหนทำอะไรบ้างคะ วันนี้แม่บ้านมีเคล็ดลับในการต้มน้ำซุปมาฝากถึง 5 ชนิดด้วยกันค่ะ
1. น้ำซุปผัก
เลือกผักที่ให้รสหวาน เช่น หัวไช้เท้า หอมหัวใหญ่ ข้าวโพด มาต้มเป็นน้ำซุป ที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือ น้ำซุปฟัก
เคล็ดลับสำคัญ : อยู่ที่การเลือกฟักค่ะ ควรเลือกฟักที่แก่สักหน่อย หากเลือกฟักเนื้ออ่อนมาต้ม จะทำให้เนื้อเละ จนน้ำซุปขุ่นได้ อาจใส่หัวไช้เท้าด้วย เพื่อเพิ่มรสหวาน ส่วนกลิ่นหอมเพิ่มได้ด้วยเห็ดหอมและเม็ดพริกไทยดำบุบพอแตก เคี่ยวด้วยไฟปานกลางจนน้ำซุปเหลือประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำที่ใส่ลงไปแต่แรก แล้วกรองเอาแต่น้ำซุป
2. น้ำซุปโครงไก่
น้ำซุปโครงไก่ส่วนใหญ่จะมีไขมันมาก เพราะโครงไก่ที่ขายตามท้องตลาดมักติดมัน เราจึงต้องล้างโครงไก่ให้สะอาด ตัดส่วนที่มีมันออก ควักปอด และเครื่องในออก สับเป็นชิ้นใหญ่ และนำไปลวกในน้ำเดือดจัด เพื่อกำจัดไขมัน และสิ่งสกปรกออก ไม่ให้น้ำซุปมันและขุ่น แล้วค่อยต้มโครงไก่นั้นในน้ำสะอาดอีกครั้ง พร้อมกับหัวไช้เท้า รากผักชี และกระเทียม ต้มจนเดือด แล้วหรี่ไฟลง หมั่นช้อนฟองออก และเคี่ยวต่อไปประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
เคล็ดลับสำคัญ : สำหรับสาวๆ ที่กังวลเรื่องไขมันเป็นพิเศษ ให้นำน้ำซุปโครงไก่ไปแช่ตู้เย็นก่อน เพื่อให้ไขมันลอยขึ้นมาอยู่ด้านบน ตักออกได้โดยง่าย จากนั้นจะนำไปใช้ปรุงเมนูไหนก็หมดห่วงเรื่องไขมันได้เลยค่ะ
3. น้ำซุปกระดูกหมู
ควรเลือกใช้กระดูกหมูส่วนสันหลังและส่วนหน้าแข้ง เพราะมีน้ำในกระดูกที่หวาน จะทำให้น้ำซุปหวานหอมเป็นพิเศษ แต่ที่สำคัญเลยก็คือต้องเลือกกระดูกหมูที่สดใหม่ค่ะ และต้องทุบกระดูกหมูพอแตกก่อนนำไปต้มให้เดือดด้วยไฟปานกลาง จะใส่หัวไช้เท้าเพื่อเพิ่มความหวานแบบธรรมชาติด้วยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าต้องการให้น้ำซุปใส
เคล็ดลับสำคัญ : คือให้ใส่เลือดหมูหรือเลือดไก่ลงต้มด้วยสักพัก แล้วค่อยตักเลือดออก เคี่ยวน้ำซุปต่อด้วยไฟอ่อน ให้เหลือ 2 ใน 3 ของน้ำที่ใส่ลงไป
4. น้ำซุปกระดูกวัว
ควรเลือกใช้กระดูกข้อ เพราะมีไขมันวัวอยู่มาก จะทำให้น้ำซุปมีรสละมุนยิ่งขึ้น แต่อาจจะคาวเลือดวัวได้
เคล็ดลับสำคัญ : เพียงแค่นำกระดูกวัวไปอบ พอให้กระดูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนก่อน จากนั้นค่อยสับกระดูกวัวให้เป็นชิ้นเล็กลง เพื่อให้ไขมันวัวออกมาขณะต้ม ต้มกระดูกวัวกับน้ำสะอาดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วผัดผักที่ให้รสหวาน เช่น หอมหัวใหญ่ หัวไช้เท้ากับน้ำมันพืชเล็กน้อยใส่ตามลงไป เพื่อเพิ่มรสหวานกลมกล่อม เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จนน้ำซุปเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้น แล้วกรองเอาแต่น้ำซุป
5. น้ำซุปหัวปลาและก้างปลา
ต้องใช้หัวปลาและก้างปลาที่สดใหม่ แต่เลือดปลาจะทำให้น้ำซุปมีกลิ่นคาวได้
เคล็ดลับสำคัญ : ต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ปราศจากเลือดปลา อาจถูด้วยเกลือป่น แล้วค่อยล้างเกลืออกก็ได้ค่ะ จากนั้นค่อยสับเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วนำไปผัดในหม้อด้วยน้ำมันเพียงเล็กน้อย แต่หากใช้ทำอาหารฝรั่งจะผัดกับเนย และเครื่องเทศฝรั่งอย่างใบกระวาน พาร์สเลย์ ไวน์ขาวแทนก็ได้ เติมน้ำสะอาดลงไป ต้มให้เดือด จึงหรี่ไฟลง ไม่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานมากค่ะ ประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำซุปหัวปลาและก้างปลาที่หอมหวานกลมกล่อม