แคนนอน เดินเกมรุกตลาดกล้องถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอระดับมืออาชีพต่อเนื่อง
ส่งกล้อง 2 รุ่นใหม่ในระบบ EOS R ทั้ง “
EOS R1” และ “
EOS R5 Mark II” อย่างเป็นทางการ เน้นตอบโจทย์การทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว โดย
กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมระดับเรือธง “EOS R1” พร้อมรองรับการทำงานของช่างภาพระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง ด้วยชิปประมวลผลภาพ 2 แบบ และระบบออโต้โฟกัสประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการถ่ายภาพความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วมอบคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน
กล้องไฮบริดระดับเทพ “EOS R5 Mark II” อัดแน่นอด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยทั้งเซนเซอร์ back-illuminated (BSI) Stacked CMOS รุ่นพัฒนาใหม่ ที่ให้ความละเอียดภาพถึง 45 ล้านพิกเซล และระบบประมวลผลภาพ Accelerated Capture พร้อมรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอถึงระดับ 8K 60P ที่จะยกระดับกล้องระบบ EOS R ให้ก้าวหน้าสู่เจเนอเรชันใหม่เพื่องานผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูง
มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 ถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับแคนนอน ประเทศไทย โดยเราก่อตั้งสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2537 และในวันนี้ เรามีความภาคภูมิใจเป็นยิ่งที่ได้ฉลองครบรอบ 30 ปีของการดำเนินงาน ซึ่งตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ร่วมสร้างความเติบโตเคียงข้างพันธมิตร ช่างภาพ และลูกค้าผู้มีอุปการคุณมาอย่างมั่นคง แคนนอนมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานและพร้อมรับฟังเสียงตอบรับเพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน เราได้เข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันน่าตื่นใจ ซึ่งแคนนอนได้ผสานศักยภาพของสิ่งเหล่านี้เข้ากับเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ จนสามารถทำในสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี AI ของเรานั่นเอง วันนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพระดับแฟล็กชิปที่ทุกคนรอคอยทั้ง EOS R1 และ EOS R5 Mark II สู่ตลาดกล้องเมืองไทยอย่างเป็นทางการ โดยแคนนอนมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมกล้องเหล่านี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและยกระดับงานถ่ายภาพไปสู่มาตรฐานอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าหากทุกท่านได้สัมผัสใช้งาน จะต้องรู้สึกประทับใจอย่างแน่นอน”
นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นระยะเวลากว่า 7 ปีมาแล้วที่แคนนอนเริ่มพัฒนากล้องมิเรอร์เลสในระบบ EOS R จนกระทั่งปัจจุบัน แคนนอนได้นำเสนอผลิตกล้องมิเรอร์เลส EOS R มาแล้วถึง 14 รุ่น ซึ่งครอบคลุมความต้องการและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ และดังที่ มร. โยโกตะ ได้กล่าวไว้ว่าเราได้เข้าสู่ยุคแห่ง AI แล้วอย่างเต็มตัว แคนนอนจึงได้ผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ากับแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา ในรูปแบบของ Deep Learning Technology ซึ่งเป็น AI ที่ใช้คลังข้อมูลจำนวนมากในการวิเคราะห์ ทั้งการตรวจจับสภาพแวดล้อมในการถ่าย ทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ และอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งในด้านความเร็วและความแม่นยำของระบบออโต้โฟกัส และคุณภาพของภาพถ่าย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและช่วยให้ผู้ใช้งานได้ผลงานที่มีคุณภาพสูง แม้ในสถานการณ์การถ่ายภาพที่ไม่เคยทำได้มาก่อน การพัฒนาทั้ง EOS R1 และ EOS R5 Mark II ยังสอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่หยุดยั้งของแคนนอน เพื่อให้สินค้าของเราตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกกลุ่มได้อย่างสมบูรณ์แบบและช่วยสนับสนุนการทำงานของช่างภาพและครีเอเตอร์ทุกระดับ ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ข้อจำกัดใด ๆ”
EOS R1: Be One with Mastery
กล้องเรือธงระดับมาสเตอร์สำหรับมืออาชีพตัวจริงที่โดดเด่นทั้งความเร็วและฟีเจอร์ครบครัน ทั้งความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วในการโฟกัส รวมถึงความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับมืออาชีพที่เน้นเรื่องความรวดเร็วในการทำงานเป็นหลัก ทั้งการถ่ายการแข่งขันกีฬา ชีวิตสัตว์ป่า รวมถึงงานข่าว ส่งให้กล้อง
EOS R1 ได้รับฉายา Speed Champion “You’R Difference” นำเสนอราคาเฉพาะตัวกล้องที่ 235,900 บาท
EOS R5 Mark II: Imagine Bigger Things
กล้องมิเรอร์เลสไฮบริด ที่มีความโด่นเด่นในเรื่องความละเอียด แบบ High Resolution ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว พร้อมจัดเต็มฟังก์ชันด้านวิดีโอ เพื่อให้เป็นที่สุดของ VDO performance รองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการผลงานคุณภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มงานเวดดิ้ง งานผลิตวิดีโอเชิงพาณิชย์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไปจนถึงช่างภาพอาชีพทุกสาย จึงทำให้
EOS R5 Mark II เปิดตัวภายใต้สโลแกน Imaging Bigger Things “you’ R The Next Gen” โดยนำเสนอ 2 รุ่นได้แก่
- EOS R5 Mark II เฉพาะตัวกล้อง ราคา 147,900 บาท
- EOS R5 Mark II พร้อมเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM ราคา 192,900 บาท
นอกจากนี้ยัง EOS R5 Mark II ยังเปิดตัวพร้อมทัพอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย เพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างภาพให้สะดวกง่ายดายและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ได้แก่
- Battery Grip รุ่น BG-R20EP ราคา 20,890 บาท
- Battery Grip รุ่น BG-R20 ราคา 14,590 บาท
- COOLING FAN รุ่น CF-R20EP ราคา 16,890 บาท
- แบตเตอรี่ รุ่น LP-E6P ราคา 3,900 บาท
พิเศษ! แคนนอนจัดโปรโมชันฉลองการเปิดตัวมิเรอร์เลสฟูลเฟรมระดับแฟล็กชิป ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย
บริการซ่อมด่วน (Fast Track service) สำหรับปีแรก พร้อมขยายเวลารับประกันสินค้าเพิ่มเป็น
2 ปี
รับส่วนลด 50% แลกซื้อ CF-R
20EP COOLING FAN ราคาพิเศษเพียง 8,445 บาท (จากราคาปกติ 16,890 บาท)
และ / หรือ รับส่วนลดสูงสด 7,000 บาท แลกซื้อเลนส์ราคาพิเศษ
- RF 15-35 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 82,500 บาท (ปกติ 86,500 บาท)
- RF 24-70 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 82,500 บาท (ปกติ 86,500 บาท)
- RF 70-200 f2.8L IS USM ราคาพิเศษ 95,800 บาท (ปกติ 102,800 บาท)
- ต่อที่ 3 ฟรีของแถม Pelican 1535 Air Limited Edition มูลค่า 15,900 บาท จำนวน 1 ใบ
เมื่อซื้อ EOS R5 Mark II (ชุดคิทใดก็ได้) คู่กับ CF-R20EP COOLING FAN และเลนส์ RF ซีรีย์ L
และผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
ระยะเวลาโปรโมชัน 27 สิงหาคม 2567 สิ้นสุด 30 กันยายน 2567 สามารถติดตามข่าวสารและดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ http://th.canon