“MAGURO Group” ขยายตัวต่อเนื่อง เปิด “MAGURO” สาขา 14 ณ ทำเลทองใจกลางเมือง มาร์เช่ ทองหล่อ จัดเต็มวัตถุดิบพรีเมียม ในบรรยากาศ Modern Japanese Fine Dining พร้อม 10 เมนูพรีเมียม มั่นใจธุรกิจร้านอาหารโตแกร่ง

0    181    0    2 เม.ย. 2567 17:35 น.   
แบ่งปัน

บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยม MAGURO และ ร้านชาบู ชาบู สุกียากี้ ต้นตำหรับ HITORI SHABU รวมถึงร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี SSAMTHING TOGETHER ในราคาสุดคุ้มค่า เดินหน้าขยายธุรกิจ ภายใน 9 ปี ผุด 3 แบรนด์ รวม 26 สาขา ตอบรับฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ตอกย้ำความเป็นหนึ่งด้านร้านอาหารญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Give More Culture” หรือ “การให้มากกว่าที่ขอ” 

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือMAGURO” ได้ทำการเปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบพรีเมี่ยมที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น คัดสรรจากแหล่งดีที่สุด พร้อมบรรยากาศภายในร้านแบบ Modern Luxury Fine Dining สร้างประการณ์ความเรียบหรู แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นตลอดการทานมื้ออาหารของคุณ ที่มาร์เช่ ทองหล่อ พร้อมยกทัพเมนู Signature ขายดีประจำร้านมาเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็น 7 Oceans Sashimi, Salmon Engawa Roll, Shirauo Salad, Kaisen Don และอีกมากกว่า 200 เมนู พร้อม 10 เมนูพรีเมียมที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น

คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเปิดสาขาใหม่ของ MAGURO ในครั้งนี้ เป็นไปตามตามกลยุทธ์ Strategic Channel Expansion หรือ กลยุทธ์การขยายช่องทางการขาย โดยในปี 2566 ได้มีการขยายสาขาของ ทั้ง 3    แบรนด์ในเครืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว HITORI SHABU ที่สาขา มาร์เช่ เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยทางบริษัทฯ เล็งเห็นว่าจุดนี้ถือเป็นหนึ่งในทำเลทองและสามารถเดินทางมาได้สะดวก เนื่องจากตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ของมากุโระที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่ม Young Family ชอบร้านอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ บรรยากาศดี ในราคาที่คุ้มค่า นอกจากนี้แฟนคลับร้านอาหารในเครือของเรายังสามารถเลือกรับประทานได้ถึง 2 แบรนด์ในที่เดียว ทั้งยังตอบโจทย์ด้านการขนส่งวัตถุดิบจากครัวกลางและการควบคุมมาตรฐานวัตถุดิบอีกด้วย”

“MAGURO สาขามาร์เช่ ทองหล่อ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โซน A มีความพิเศษคือ มี 10 เมนูพรีเมี่ยมที่มีเสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น จาก Nodoguro และ Kinmedai ซึ่งเป็นวัตถุดิบหายาก และจัดเป็นปลาเนื้อขาวคุณภาพสูง ที่นุ่ม หวานเป็นธรรมชาติ ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเมนูพิเศษนี้จะเสิร์ฟให้รับประทานถึงแค่วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่านั้น”

ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ปทั้ง 3 แบรนด์ ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นรวมเป็น 26 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 14 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างเกาหลีเพิ่มเป็น 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซเพิ่มเป็น 6 สาขา โดยมีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาเพิ่มไปยังปริมณฑล ตอบรับแผนการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มตัวเลือกสาขาเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่กลุ่มลูกค้า

“ถึงแม้ว่าตลาดการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ปทั้ง 3 แบรนด์ ยังคงสามารถสร้างความโดดเด่น ด้วยความหลากหลายของประเภทอาหาร ทั้งรูปแบบ Fine Dining, ชาบู, สุกียากี้ และปิ้งย่าง รวมถึงคุณภาพของอาหาร ในราคาที่จับต้องได้ และยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวที่ดีในเรื่องของแผนการตลาด และการขยายกิจการตามแผนที่วางไว้”

ด้านแผนการเข้าตลาดฯ ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนของการยื่นไฟลิ่ง เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บมจ. มากุโระ กรุ๊ป มีรายได้รวม 767.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  58.73 ล้านบาท
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ