ไทยวา ชูนวัตกรรมและความยั่งยืน พร้อมขึ้นแท่นผู้นำตลาดอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารระดับภูมิภาค
บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC หนึ่งในบริษัทแป้งมัน และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทางด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ประกาศความสำเร็จในปี 2564 ด้วยยอดขายกว่า 9,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากปี 2563 ซึ่งมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกตลาด
โดยในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องด้วยเลขสองหลัก รวมถึงมีอีบิทด้า (EBITDA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จาก 571 ล้านบาทเป็น 969 ล้านบาท ส่งผลให้คณะกรรมการได้อนุมัติเงินปันผลในอัตรา 0.2159 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าทั้งหมด 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากปี 2563 ซึ่งจะนำเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป โดยคาดว่าเราจะสามารถจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับความท้าทายและต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจต่อไปได้ ในส่วนของไทยวาก็เผชิญกับความท้าทายเช่นกัน โดยสิ่งหนึ่งที่สำคัญของเราคือการรักษาคนของเราให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2564 ถือว่าแข็งแกร่งมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับใช้นวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การบริหารการขายและการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 9,105 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 4,422 ล้านบาท หรือร้อยละ 49 รายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) 2,910 ล้านบาท หรือร้อยละ 32 และรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,767 ล้านบาท หรือร้อยละ 19 โดยมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศคิดเป็นร้อยละ 83 และรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 17 เรายังคงมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กับลูกค้าทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C ทั่วโลก ผ่านแบรนด์ มังกรคู่ กิเลนคู่ และโรส อย่างต่อเนื่อง”
“สำหรับการทำตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบันไทยวาได้ทำการส่งออกสินค้าไปแล้วทั่วโลก โดยมีโรงงานและสำนักงานทั้งหมด 15 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศไทย 9 แห่ง ประเทศเวียดนาม 3 แห่ง และยังมีสำนักงานตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศกัมพูชา และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป้าหมายของบริษัทฯ คือการก้าวเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 10,000 ล้านบาทในปี 2565 เนื่องจากในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ ได้ลงทุนในเรื่องการพัฒนาความสามารถของบุคคลากรในสาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ทำให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งเราคาดว่าแนวโน้มการส่งออกในปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายฐานลูกค้าส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากจีนและไต้หวันได้ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป” นายโฮ กล่าวเสริม
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 เราจะมุ่งเน้นไปในการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีความยั่งยืน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมของสินค้าที่ทางบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ระดับสากล นอกจากนี้บริษัทฯ มีการต่อยอดธุรกิจ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือไบโอพลาสติก ภายใต้แบรนด์ ROSECO ซึ่งผลิตมาจากแป้งมันสำปะหลัง และสามารถนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ เช่น ภาชนะบรรจุอาหาร บรรจุภัณฑ์ พลาสติกคลุมดิน ฯลฯ ในปีนี้เรามีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่เพิ่มอีก 8-10 รายการ เช่นผลิตภัณฑ์ส่วนผสมที่ปราศจากกลูเตน (gluten free) และโซลูชั่นด้านอาหาร
ในปีนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านไทยวาเวนเจอร์
(Thai Wah Ventures) จุดประสงค์เพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัป หรือธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อต่อยอดและพัฒนาสินค้าเกษตร ที่สามารถช่วยเสริมการเติบโตของธุรกิจหลักได้ ครอบคลุมทั้ง 4 ด้านที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นวัตกรรมด้านฟาร์มและเทคโนโลยีการเกษตร การวิเคราะห์ข้อมูลตลอดห่วงโซ่อุปทานสำหรับธุรกิจในรูปแบบ B2B พลาสติกชีวภาพและการจัดการของเสียจากกระบวนการผลิต และส่วนผสมในอาหารและเทคโนโลยีการแปรรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านการควบรวมกิจการ ภายในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้ธุรกิจในเครือของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยไทยวาเวนเจอร์ มุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมเกษตรและอาหารสำหรับลูกค้าในรูปแบบ B2B เจ้าแรก ที่เชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม กัมพูชา และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ไทยวา ยังมุ่งที่จะขยายตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายฐานการผลิตและการส่งออก รวมถึงการขยายฐานผู้บริโภคให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ผ่านนวัตกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ทั้งนี้เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สร้างความมั่นคงทางอาหารและความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจของประเทศ
รวมถึงการสร้างคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ในปี 2564 เราสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตต่อไปได้อีกในปี 2565 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เป็นปีที่เราครบรอบ 75 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไปเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของไทยวา” นายโฮ กล่าวสรุป