เมนูหายากที่ทำได้ง่ายจนต้องตกใจ ความพิถีพิถันอยู่ที่เครื่องแกง เมื่อนำมาละลายกับน้ำแล้วต้มจนส่งกลิ่นหอมจึงเติมเนื้อปลาลงไป รอจนเดือดพล่านค่อยโยนมะเขือเปราะตาม ปิดไฟทันทีเพื่อให้มะเขือเปราะคงสีสวย เมนูนี้คุณแม่บอกว่าต้องเลือกมะเขือเปราะอ่อนๆ เมื่อล้างจนสะอาดดีแล้วให้ฝานเป็นแผ่นบาง แล้วแช่ในน้ำเกลือสักหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้มะเขือดำ และหลังจากที่ลองชิมแล้วคนในบ้านก็ติดใจ จนต้องหามะเขือเปราะมาปลูกไว้ในบ้านเพื่อเมนูนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว...
ส่วนผสม |
|
ปลาช่อน (น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม) |
1 ตัว |
พริกขี้หนูสวนสีเขียว |
20 เม็ด |
หอมแดง |
5 หัว |
กะปิ |
1 ช้อนโต๊ะ |
มะเขือเปราะผ่าสี่ |
7 ลูก |
มะเขือเทศสีดา |
5 ลูก |
ใบกะเพรา |
1/2 ถ้วยตวง |
น้ำเปล่า |
4 ถ้วยตวง |
น้ำปลา |
3 ช้อนโต๊ะ |
น้ำมะขามเปียกคั้นข้นๆ |
5 ช้อนโต๊ะ |
น้ำตาลปี๊บ |
2 ช้อนโต๊ะ |
วิธีทำ
1. แล่เนื้อปลาช่อนล้างให้สะอาด หั่นชิ้นพอคำเตรียมไว้ ส่วนหัวและก้างปลานำไปต้มกับน้ำเปล่าประมาณ 20 นาที ยกลงกรองเอาแต่น้ำ 3 ถ้วยตวง
2. โขลกพริกขี้หนูสวน หอมแดง และกะปิให้ละเอียด
3. นำน้ำซุปปลาในข้อที่ 1 ตั้งไฟพอร้อน ใส่ส่วนผสมในข้อที่ 2 ลงละลายให้เข้ากันพอเดือด ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือเทศ
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามปียก และน้ำตาลปี๊บคนให้เข้ากัน พอมะเขือเปราะสุกและน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลาช่อน รอจนเนื้อปลาช่อนสุก จึงใส่ใบกะเพรา คนให้เข้ากัน ยกลง ตักใส่ชาม จัดเสิร์ฟ