เอียเล้ง เมื่อผู้ช่วยกลายเป็นพระเอก

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
7,022    7    -4    3 เม.ย. 2563 11:30 น.
แบ่งปัน
       “เล้งแซ่บ” เมนูสุดฮิตที่หลายคนชอบ ทำมาจากกระดูกสันหลังของหมูที่นำมาต้มจนเปื่อยนุ่ม น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม บวกกับเนื้อที่ติดอยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อนำมาปรุงใหม่ให้จัดจ้านในแบบไทย ๆ จึงทำให้กลายเป็นเมนูยอดฮิตได้ไม่ยากเลย

เอียเล้ง เป็นกระดูกสันหลังของหมูที่ถูกเลาะเนื้อออกไป มีลักษณะยาวตั้งแต่คอยันโคนหาง รูปทรงคล้ายกระดูกของงูใหญ่หรือมังกร คนจีนจึงเรียกว่ากระดูกมังกรหรือกระดูกเอียเล้ง ในส่วนของเอียเล้งจำไม่มีเนื้อติดมากนักจึงถูกนำมาใช้ทำน้ำซุปเพื่อให้มีรสชาติหวาน หอม กลมกล่อม เรียกว่าเป็นตัวประกอบของอาหารมาโดยตลอด แต่รู้หรือไม่ว่าในไขกระดูกของเอียเล้งนั้นมีคอลลาเจนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเรากินอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนเหล่านี้ จึงช่วยให้ผิวใสดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วย

น้ำซุปในร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนมากจะใช้กระดูก 2 ส่วน คือ เอียเล้ง และคาตั๊ง (กระดูกหน้าแข้งของหมู) เพราะเอียเล้งจะช่วยทำให้น้ำซุปมีรสที่ดี ส่วนคาตั๊งจะช่วยให้น้ำซุปมากลิ่นหอมมากขึ้น ขั้นตอนการทำน้ำซุปที่ถูกต้องคือการนำกระดูกทั้งหมดไปต้มก่อนสัก 5 นาที เพื่อล้างสิ่งสกปรกออก จะช่วยทำให้น้ำซุปมีความใสน่ารับประทานมากขึ้น และถ้าเราต้มโดยใช้ไฟอ่อนหรือไฟกลาง จะทำให้น้ำซุปมีสีเหลืองทองใส แต่ถ้าใช้ไฟแรงจัดต้มจะทำให้น้ำซุปเป็นสีขาวนวล ซึ่งจะพบมากในน้ำซุปของราเมนแบบญี่ปุ่นนั่นเอง

เล้งแซ่บแบบแห้ง


ส่วนผสม
บะหมี่เส้นแบน 100 กรัม
เล้งต้มจนเปื่อยนุ่ม 400 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
พริกป่น 1 ช้อนชา
ข้าวคั่วบดหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 4 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่สำหรับโรย  
น้ำเปล่าสำหรับลวกเส้น  

วิธีทำ
1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่เส้นบะหมี่ลงลวกพอสุก ตักขึ้นสะบัดให้แห้งใส่ภาชนะ
2. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดง และน้ำซุป คนให้เข้ากัน
3. ใส่เล้งลงบนเส้น ราดด้วยส่วนผสมข้อที่ 2 โรยผักชีฝรั่งต้นหอม ใบสะระแน่ จัดเสิร์ฟ

ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเล้งเปื่อย

 
ส่วนผสม  
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 100 กรัม
กระดูกหมูส่วนเอียวเล้งตุ๋นแล้ว 150 กรัม
พริกขี้หนูสวนโขลกหยาบ      30 กรัม
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว               3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปกระดูกหมู 2 ถ้วยตวง
ผักชีฝรั่งซอย           
เกี๊ยวทอดกรอบ  
น้ำเปล่าสำหรับลวก  

วิธีทำ
1. ใส่น้ำซุปและกระดูกหมูลงในหม้อเล็ก นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลง
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ใส่น้ำพริกขี้หนูสวน คนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กลงลวกพอสุก สะบัดให้แห้งใส่ภาชนะ ราดด้วยส่วนผสมที่ปรุงไว้ โรยผักชีฝรั่ง จัดเสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวทอดกรอบ
 
ส่วนผสมน้ำซุปกระดูกหมู  
กระดูกหมูส่วนเอียวเล้งหั่นชิ้นเล็ก 1,500 กรัม
รากผักชีทุบพอแตก 7 ราก
กระเทียมทุบพอแตก             30 กรัม
พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลกรวด 60 กรัม
เกลือป่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวโพดหวานหั่นท่อน 1 ฝัก
หัวไชเท้าหั่นท่อน 1 หัว
หัวไชเท้าหั่นท่อน 1 หัว
น้ำเปล่า 8 ลิตร

วิธีทำ
ต้มน้ำเปล่า ใส่กระดูกหมูและเกลือป่น พอเดือดช้อนฟองออกให้หมด ใส่ส่วนผสมที่เหลือ เบาไฟเคี่ยวจนกระดูกหมูนุ่ม

เกี๊ยวกุ้งต้มเล้ง

 
ส่วนผสม  
กุ้งสดปอกเปลือกแช่เย็นจัด 100 กรัม
ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนชา
น้ำมันงา 1/4 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนชา
ผักชีฝรั่งซอย          1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวนโขลกหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา   1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
กระดูกเอี๊ยวเล้ง 3 ชิ้น
น้ำซุป 2 ถ้วยตวง
แผ่นเกี๊ยว  
น้ำเปล่าสำหรับลวก  

วิธีทำ
1. สับกุ้งพอหยาบใส่อ่างผสม ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ใส่แป้งข้าวโพด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ฟาดให้เหนียวนำเข้าตู้เย็น พักไว้ประมาณ 20 นาที
2. ตักส่วนผสมข้อที่ 1 ใส่ลงในแผ่นเกี๊ยวห่อให้สวยงาม ทำจนหมด พักไว้
3.  ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่เกี๊ยวกุ้งลงลวก จนสุกตักขึ้นใส่ภาชนะ
4. ต้มน้ำซุป 2 ถ้วยตวงและกระดูกเอี๊ยวเล้ง พอเดือด ปิดไฟ ใส่พริกขี้หนูสวน น้ำมะนาว น้ำปลา คนให้เข้ากัน เทใส่ลงในเกี๊ยวกุ้ง โรยผักชี ผักชีฝรั่ง จัดเสิร์ฟ

ข้าวต้มเล้ง

 
ส่วนผสม  
ข้าวสวย 1 1/4 ถ้วยตวง
น้ำซุปกระดูกเอียวเล้ง 2 1/2 ถ้วยตวง
กระดูกเอียวเล้งต้มจนนุ่ม 250 กรัม
น้ำปลา   1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
ตั้งฉ่าย    1 ช้อนชา
ขึ้นฉ่าย 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียมเจียว 1 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ต้มน้ำซุปกระดูกเอียวเล้งพอเดือด ใส่ข้าวสวย ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ
2. ใส่กระดูกเอียวเล้ง โรยพริกไทยป่น ตั้งฉ่าย ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว จัดเสิร์ฟ
 
ส่วนผสมน้ำซุปกระดูกเอียวเล้ง  
กระดูกเอียวเล้ง 3 กิโลกรัม
น้ำเปล่า 10 ลิตร
เกลือป่นหยาบ      10 ราก
รากผักชีทุบพอแตก 15 กลีบ
กระเทียมทุบพอแตก 15 กลีบ
พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ใส่น้ำเปล่า กระดูกเอียวเล้ง และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดช้อนฟองออกให้หมด
2. ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ใช้ไฟกลางเคี่ยวจนกระดูกเอียวเล้งนุ่ม (ระหว่างเคี่ยวหมั่นช้อนฟองออกตลอดเพื่อให้น้ำซุปใส)

เล้งต้มยำน้ำข้น

 
ส่วนผสม  
กระดูกเอียวเล้งต้มจนนุ่มกระดูกเอียวเล้งต้มจนนุ่ม 500 กรัม
ตะไคร้หั่นแฉลบ     4 ต้น
ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ
น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา   2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูโขลกพอแหลก 2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดฟางผ่าครึ่งดอก 4 ดอก
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปกระดูกเอียวเล้ง 2 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ต้มน้ำซุปกระดูกเอียวเล้ง ใส่ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด พอเดือด ใส่เห็ดฟาง ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนพอเข้ากัน
2. ใส่น้ำพริกเผา นมข้นจืด คนพอเข้ากัน พอเดือดยกลง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว พริกขี้หนู คนพอเข้ากัน พักไว้
3. ตักกระดูกเอียวเล้งใส่ภาชนะ ราดด้วยส่วนผสมข้อที่ 2 โรยผักชีฝรั่ง ผักชี จัดเสิร์ฟ
 
ส่วนผสมน้ำซุปกระดูกเอียวเล้ง  
กระดูกเอียวเล้ง 3 กิโลกรัม
น้ำเปล่า 10 ลิตร
เกลือป่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีทุบพอแตก 10 ราก
กระเทียมทุบพอแตก 15 กลีบ
พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ใส่น้ำเปล่า กระดูกเอียวเล้ง และเกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดช้อนฟองออกให้หมด
2. ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ใช้ไฟกลางเคี่ยวจนกระดูกเอียวเล้งนุ่ม (ระหว่างเคี่ยวหมั่นช้อนฟองออกตลอดเพื่อให้น้ำซุปใส)
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ยังไม่มีรีวิว
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

11 เมนูโกอินเตอร์จากผลิตภัณฑ์มันฝรั่งแช่แข็ง รสชาติอร่อยแบบออริจินัลจากหลายสัญชาติ

อาหารต้นตำรับ เป็นอาหารที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชนชาตินั้น ๆ ได้ดีที่สุด ทั้งลักษณะความเป็นอยู่ ความเจริญ ภูมิประเทศ อากาศ ซึ่งแต่ละประเทศนั้นมีความโดดเด่นต่างกันออกไป เราจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์บางอย่างก็เกิดขึ้นจากเมนูอาหารของชาตินั้น ๆ ส่วนการนำอาหารออริจินัลมาดัดแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้อาหารถูกปรับเปลี่ยนไปได้เช่นกัน การรับประทานอาหารให้อร่อยจึงขึ้นอยู่กับการดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยนั่นเอง