เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมามีพืชอยู่ชนิดหนึ่งที่กระแสมาแรงมาก นั่นคือ
“หัวปลี” เนื่องจากคนยุโรปนำมาใช้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ ซึ่งเขาบอกกันว่ารสชาติคล้ายเนื้อไก่ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่คนไม่กินเนื้อสัตว์ และราคาก็ถีบสูงขึ้นไปถึง 1,000 บาท ต่อกิโลกรัม อาจเป็นเพราะประเทศทางฝั่งนั้นไม่ได้นำกล้วยมาใช้ประโยชน์ทั้งต้นแบบบ้านเรา จึงไม่ค่อยคุ้นชินกับส่วนอื่น ๆ ของกล้วยกันมากนัก
ครั้งนี้ขอพามาเดินเล่นที่
“ตลาดหัวปลี” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชน ตั้งอยู่ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี นำทีมโดย
“คุณน้อง” นารีรัช อุทัยแสงสกุล ประธานเครือข่ายโอทอปจังหวัดสระบุรี พื้นที่ดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากศูนย์โอทอปคอมเพล็กซ์ จังหวัดสระบุรีในพื้นที่ติดกัน แต่ในส่วนของตลาดหัวปลีจะเน้นการถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสถึงวิถีชีวิตและรากเหง้าของผู้คนในชุมชนที่เชื่อมโยงกับต้นกล้วยที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก คุณน้องบอกกับเราว่า “คนไทยจะรู้จักกับการกินหัวปลีมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะนำมากินแกล้มกับน้ำพริกและยังทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งเมนูดั้งเดิมอย่าง แกงเลียงหัวปลี อาหารพื้นถิ่นที่สมัยก่อนหากบ้านไหนคุณแม่เพิ่งคลอดลูกอ่อนต้องกินเพื่อช่วยบำรุงน้ำนม รวมถึงเมนูต้มข่าไก่หัวปลี และเมนูตระกูลแกงส้มที่ทำได้หลากหลาย หรืออย่างบ้านพี่น้องก็จะนำมาดัดแปลงนิดหน่อย โดยการนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในไข่เจียวแทนชะอม กินคู่กับแกงส้มก็อร่อยดีเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นที่ตลาดแห่งนี้เมนูเด่นเลยคือ
ลาบหัวปลี เป็นเมนูที่เหมาะกับคนไม่กินเนื้อสัตว์ ในลาบหัวปลีจะใส่สมุนไพร มีทั้ง ขิง ข่า ตะไคร้ กระเทียม พริก ช่วยตอบโจทย์เทรนด์อาหารสุขภาพเป็นอย่างดี”
จุดขายของตลาดแห่งนี้คือการนำผลผลิตของคนในชุมชนมาขายร่วมกัน ซึ่งบริเวณโดยรอบส่วนใหญ่มีการปลูกกล้วยน้ำว้ากันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีแหล่งผลิตหัวปลีได้มากพอสำหรับจำหน่าย “ที่นี่ใช้หัวปลีมากถึงวันละ 300-500 กิโลกรัมต่อวัน โดยนอกจากที่ปลูกเองในพื้นที่โดยรอบ ยังรับซื้อจากคนในชุมชน ให้ราคา 7-10 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากผ่านการตัดแต่งจนเหลือแต่ส่วนที่เรียกว่าใจหัวปลี จะรับซื้อในราคา 30-50 บาท ต่อกิโลกรัม หรือนำใจหัวปลีไปต้มจนเปื่อย สับให้ละเอียด บีบเอาน้ำออก เหมาะนำไปทำลาบหัวปลีอาหารจานเด็ดของตลาดหัวปลีได้เลยจะได้ราคาสูงถึง 200 บาท ต่อกิโลกรัม” หัวปลีเกือบทั้งหมดของที่นี่มาจากกล้วยน้ำว้า ที่จะตกเครือจนเหลือหวีสุดท้ายที่เรียกว่า “หวีตีนเต่า” ที่ให้ผลผลิตไม่ดีแล้ว จึงเหมาะตัดปลีกล้วยนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยหัวปลีที่นำมาตัดแต่งเอาส่วนเปลือกด้านนอกที่มีสีแดงซึ่งเป็นเส้นใยและกินไม่อร่อยออก จะเหลือส่วนของหัวปลีตรงใจกลางที่นิยมเรียกว่า
ใจหัวปลี ที่เหมาะนำมาทำอาหาร หรือใช้เพียง 1 ใน 4 ของหัวปลีเท่าที่ตัดมาเท่านั้น ซึ่งคุณน้องจะนำมาแปรรูปเป็นอาหารสำหรับจำหน่ายหลายชนิด
หัวปลี มีชื่อภาษาอังกฤษเก๋ ๆ ว่า Banana Blossom หรือ Banana Flower เพราะนับเป็นส่วนดอกของต้นกล้วย ส่วนในบ้านเราเรียกกันทั้งหัวปลี ปี๋ (เหนือ) และปลีกล้วย แล้วแต่ความถนัดและความเคยชินของท้องถิ่น ลักษณะของหัวปลีจะคล้ายหยดน้ำ โคนปลีกว้าง ปลายปลีแหลม หัวปลีเป็นส่วนดอกของต้นกล้วยที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มกล้วยหลาย ๆ ผลรวมกัน หัวปลีจะผลิกล้วยออกมาหลายหวีจนกระทั่งไม่คายกาบออกมาเป็นกล้วยแล้ว ซึ่งคราวนี้ก็จะเหลือแต่หัวปลีที่มีเนื้อสีขาวภายใน สรรพคุณหลักที่คนไทยรู้กันเป็นอย่างดีคือช่วยบำรุงเลือด เพราะในหัวปลีมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่หลังคลอดบุตร รวมไปถึงช่วยขับน้ำนมได้ดีมากเช่นกัน และจากการศึกษาเพิ่มเติมยังพบว่าการกินหัวปลีสามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า มีทานอล ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ป้องกันการอักเสบในร่างกายได้
ส่วนการเตรียมหัวปลีก่อนนำไปทำอาหารนั้นไม่ยาก คุณน้องบอกเราว่าให้ลอกกาบสีแดงออกให้หมด จากนั้นก็นำมาผ่าครึ่งตามแนวยาว แล้วนำไปแช่ในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำ จากนั้นจึงเฉือนแกนกลางออก และดึงดอกที่ส่วนแก่ทิ้ง จากนี้จะนำไปหั่นแล้วนำไปทำอาหารได้เลย นอกจากนั้นภายในปลียังมีกลีบที่เป็นเนื้อสีนวลเนียน กรุบกรอบ นำมาทำอาหารได้ด้วย หรือจะกินสด ๆ ก็ได้ รสชาติจะออกฝาดนิด ๆ กินเข้ากันดีกับน้ำพริกหลายชนิด
ใครมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อยากแนะนำให้ลองมาเดินเล่นกันที่
“ตลาดหัวปลี” เพราะนอกจากจะได้ลองชิมอาหารท้องถิ่นกันแล้วยังได้ความรู้อีกเพียบ เพราะที่นี่เป็นตลาดแล้วที่นี่ยังเป็นสถาบันส่งเสริมความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสวนสมุนไพรอีกด้วย ส่วนที่พลาดไม่ได้คือเมนูเด็ดของที่นี่ “ลาบหัวปลี” รับรองว่ารสชาติอร่อยแซ่บจนลืมเนื้อสัตว์อร่อย ๆ ไปเลยทีเดียว
ตลาดหัวปลี เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 10.00–19.00 น.
ที่ตั้ง : 15/4 หมู่ 1 ตำบลพุแค อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี
โทร. 08-1852-9391
หมกหัวปลีไก่ใส่ไข่
ส่วนผสม
เนื้อสะโพกไก่ 1/2 กิโลกรัม
หัวปลี 1 หัว
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ใบมะกรูด 4-5 ใบ
ข่า 1-2 แว่น
ตะไคร้ 3 ต้น
หอมแดง 6 หัว
กระเทียม 4 กลีบ
ใบแมงลัก 4-5 ก้าน
ต้านหอมหั่น 1 นิ้ว 5-6 ต้น
น้ำปลาร้า 4-5 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกแห้ง ใส่ตามชอบ
พริกสด ใส่ตามชอบ
ใบตอง สำหรับห่อ
วิธีทำ
1. หั่นซอยหัวปลีแช่น้ำผสมน้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาวทิ้งไว้
2. ตำข่า ตะไคร้ พริกแห้ง พริกสด ใบมะกรูด กระเทียม หอมแดง ตำให้ละเอียด
3. หั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำนำไปคลุกเคล้ากับเครื่องแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า เกลือ
4. ใส่ไข่ไก่ 2 ฟอง ต้นหอม ใบแมงลัก คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
5. นำใบตองสองใบวางซ้อนทับกัน ตักส่วนผสมที่คลุกเคล้าเข้ากันลงไปประมาณ 1 ทัพพี จากนั้น จับใบตองตามแนวยาวยกขึ้น จับมุมซ้ายรวบเข้ามา จับมุมขวารวบเข้ามากลัดใช้ไม้จิ้มฟันกลัดกลัด นำไปนึ่งบนน้ำเดือด 15-20 นาที จนสุก
ส้มตำหัวปลี
ส่วนผสม
หัวปลี 1 หัว
กระเทียม 3 กลีบ
พริกสด 3-6 เม็ด
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ถั่วฝักยาวหั่นเฉียงยาว 1 นิ้ว 1 กำมือ
มะเขือเทศเชอร์รี่ 5-6 ลูก
มะเขือเปราะ 1 ลูก
มะเขือเหลือง 1 ลูก
มะนาวหั่นซีก 2-3 ชิ้น
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขาวเปียกเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ
ปูเค็มลวก 1 ตัว
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ลอกกาบหัวปลีออก เอาแต่เนื้อขาว ๆ ด้านใน หั่นเป็นชิ้นฝอย ๆ แช่น้ำมะขามเปียก เพื่อไม่ไห้ดำ
2. จากนั้น ตำกระเทียมกับพริกสดพอแตก ใส่น้ำตาล ถั่วฝักยาว โขลกส่วนผสมนี้ให้เข้ากันพอแตก ไม่ต้องละเอียด ไส่มะเขือเทศ มะเขือเหลือง มะเขือเปราะ มะนาว น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ตำให้เข้ากัน ไส่หัวปลีลงไป ไส่กุ้งแห้ง ฉีกปูเค็มไส่ลงไป ตำให้เข้ากันอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ
ส้าปลี
ส่วนผสม
หัวปลี 1 หัว
เนื้อหมูบด 100 กรัม
หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
กระเทียม 100 กลีบ
หอมแดง 5 หัว
ข่าหั่น 1 ช้อนชา
ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนชา
ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. แกะเปลือกหัวปลีออกเหลือแต่เนื้ออ่อน แล้วหั่นฝอยแช่น้ำเกลือ พักไว้
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. เจียวกระเทียมพอเหลือง ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่หมูสับ ผัดให้หมูสุก ตักใส่ชาม พักไว้ให้เย็น
5. ล้างหัวปลี บีบให้สะเด็ดน้ำ นำมาคลุกเคล้ากับส่วนผสมให้เข้ากัน
6. ใส่หอมแดงซอย โรยด้วยผักชีต้นหอมซอย
เรื่อง : Tongta
ภาพ : Tongta, ชุลีภรณ์