พาแช่บ่อน้ำร้อนที่สตูล ปิดท้ายด้วยเมนูเบา ๆ กับ “ปลาทับทิม ซีพี ย่างกับสลัดแตงกวามะเขือเทศ” (สไตล์อินเดีย)
ใครที่ยังไม่เคยมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยากให้ลองมา ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่วัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่างเดียว แต่ที่เที่ยวทุกแห่งแต่งแต้มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามเหมือนกับภาพวาด ทั้งต้นไม้ ภูเขา ทะเล น้ำตก ลำธาร ทุกสิ่งทุกอย่างคงสวยงามตามแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้เรามาจอดรถชมวิวกันที่จังหวัดสตูล จังหวัดที่มีวัฒนธรรมน่าสนใจ ความเป็นอยู่ของผู้คนยังคงไม่ซึ่งความเรียบง่าย บวกกับความเย็นฉ่ำของสายฝนที่โปรดปรายเกือบตลอดทั้งวัน ชาวบ้านบางคนบอกกับเราว่าฝนตกมากจนบางครั้งในบ้านถึงกับมีเห็ดผุดขึ้นตามข้างฝา เสียงหัวเราะยังคงระรัวอยู่ตลอดการเดินทางไปยังสถานที่แรกของวัน เขาว่่าจะพาเรามาแช่น้ำอุ่น ๆ เพื่อคลายหนาวกันที่ “บ่อน้ำร้อนทุ่งนุ้ย” การได้เอนกายนอนแช่น้ำอุ่น ๆ ที่มีอุณหภูมิประมาณ 42 องศา ในวันที่ฝนฉ่ำแบบนี้มันช่างเป็นอะไรที่ทำให้สบายตัวเป็นที่สุด ทั้งยังเป็นบ่ออาบน้ำแร่ที่มาจากบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ซึ่งมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณในการรักษาและบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ด้วย ด้านในแยกเป็นบ่อแช่ตัวชาย-หญิงชัดเจน และมีบ่อแช่เท้าด้านหน้า บรรยากาศก็สงบเงียบ เพื่อนร่วมทริปถึงกับร้องว้าวเมื่อเดินเข้ามาถึงด้านใน หลายคนเริ่โมเปลี่ยนชุดเพื่อแช่น้ำแร่กันแล้ว ในขณะที่บางคนขอจองแช่เท้าเท่านั้น
จบจากการแช่น้ำกันจนตัวอุ่นก็ไปเที่ยวต่อกันที่ “น้ำตกโตนปาหนัน” ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลนัก เป็นธารน้ำตกธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในตำบลทุ่งนุ้ย มีต้นน้ำมาจากภูเขากะหมิง ด้วยความอุดมสมบรูณ์ของป่าไม้และธรรมชาติ จึงทำให้น้ำตกโตนปาหนันมีน้ำไหลแรงสม่ำเสมอทั้งปี ดังนั้นพื้นที่ส่วนหนึ่งจึงถูกสร้างเป็นเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดย่อม แต่นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถสัมผัสธรรมชาติเขียว ๆ สายน้ำเย็น ๆ ได้อย่างเต็มที่
ปิดท้ายด้วยการแวะสัมผัสวิถีชีวิตพื้นถิ่นดั้งเดิม ที่ชาวบ้านยังคงพึ่งพิงธรรมชาติ ทุกอย่างจึงยังบริสุทธิ์และมีความ
ออร์แกนิคสูง ณ “โรงคั่วโกปี๊ (กาแฟ) โบราณบ้านโตน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโตนปาหนัน” ชุมชนที่ผลิตกาแฟโบราณ จากเมล็ดพันธุ์โรบัสตาที่ชาวบ้านปลูกเองในชุมชน ควันขาวนวล สะท้อนกับแสงแดดและกลิ่นหอม ๆ ยามเมล็ดกาแฟถูกคั่ว แล้วนำไปเคี่ยวเพื่อเคลือบน้ำตาลอีกที ก่อนจะนำมาตำให้ละเอียด กินเวลาทั้งหมดถึง 3 ชั่วโมง กว่าเราจะได้จิบกาแฟรสเข้มที่มีความหวานหอมในตัว นอกจากนั้นยังมีโฮมสเตย์และกิจกรรมให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองรสชาติของข้าวบ้องไผ่ (ข้าวที่หุงในกระบอกไม้ไผ่) กับอาหารพื้นถิ่นท่ามกลางธรรมชาติริมฝั่งคลองอีกด้วย
ค่ำนี้กลับเข้ามานอนในเมือง เพราะพรุ่งนี้คงต้องเดินทางกลับกันแต่เช้า ก่อนเข้าที่พักแวะซื้ออาหารสดกันนิดหน่อยที่ แม็คโคร สาขาสตูล ได้ปลาทับทิม ซีพี สด ๆ มาหลายตัว ผู้ร่วมทริปแนะนำว่าวันนี้อยากกินอะไรเบา ๆ เพราะไหน ๆ เราก็เพิ่งไปแช่บ่อน้ำร้อนกันมา ดูแล้วน่าจะเป็นการเที่ยวแบบสุขภาพสุด ๆ เมนูวันนี้จะเป็น “ปลาทับทิม ซีพี ย่างกับสลัดแตงกวามะเขือเทศ” เป็นเมนูสไตล์อินเดียรสชาติเบา ๆ ไม่หนักหน่วง จุดเด่นของเมนูนี้นอกจากผักสดที่หั่นเป็นชิ้นนสีเหลี่ยมลูกเต๋าแล้ว ก็คงอยู่ที่เนื้อปลาทับทิม ซีพี ด้วย เพราะเนื้อขาวอวบ หวานอร่อย ไม่ต้องกังวลถึงความสะอาด เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูจากฟาร์มมาตรฐาน จึงสะอาด ปลอดภัย โดยครั้งนี้เรานำปลาทับทิม ซีพี มาแล่ให้เป็นชิ้น แล้วย่างพอสุก ปรุงรสเล็กน้อยด้วยเกลือและพริกไทย นำมารับประทานรวมกับสลัดรสสดชื่น เป็นเมนูสุขภาพที่อยากให้ลองนำไปปรุงกันดู
ปลาทับทิม ซีพี ย่างกับสลัดแตงกวามะเขือเทศ (สไตล์อินเดีย)
ส่วนผสม
ปลาทับทิม ซีพี แล่เนื้อ |
1 ตัว |
โรสแมรี่ |
2 ช่อ |
น้ำมันมะกอก |
|
เกลือป่น |
|
พริกไทยดำบดหยาบ |
|
แป้งโรตีทอดกรอบ |
|
วิธีทำ
1. โรยเกลือป่น พริกไทยดำลงบนเนื้อปลาเล็กน้อย
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยพอร้อน ใส่ ปลาทับทิม ซีพี ตามด้วยโรสแมรี่ กริลล์จน ปลาทับทิม ซีพี สุกเหลืองหอม ตักขึ้น
3. จัด ปลาทับทิม ซีพี ใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมสลัดแตงกวามะเขือเทศ และแป้งโรตีทอดกรอบ
ส่วนผสมสลัดแตงกวามะเขือเทศ
มะเขือเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า |
80 กรัม |
แตงกวาญี่ปุ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า |
100 กรัม |
หอมหัวใหญ่สีแดงและสีขาวหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า |
50 กรัม |
ผักชีซอย |
1/4 ถ้วยตวง |
น้ำมะนาว |
2 ช้อนโต๊ะ |
น้ำมันมะกอก |
1 1/2 ช้อนชา |
กระเทียมสับละเอียด |
1 ช้อนชา |
เกลือป่นสำหรับปรุงรส |
|
พริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส |
|
วิธีทำ
1. แช่มะเขือเทศ แตงกวา หอมหัวใหญ่ ให้เย็นจัด
2. เวลาจัดเสิร์ฟค่อยผสมส่วนผสมทั้งหมด คนเบา ๆ ให้เข้ากัน