“ภูเก็ต” เมืองเล็ก ๆ ทางภาคใต้ที่มีขนาดเกือบจะเล็กที่สุด รองจากจังหวัดสมุทรสงคราม แต่ถือเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ทั้งเกาะล้อมรอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 30 เกาะ และทะเลอันดามันสีมรกต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย

คราวนี้มากันเป็นครอบครัว เลยจองที่พักแบบบ้านเดี่ยวห่างจากย่านเมืองเก่าภูเก็ตเล็กน้อย ก่อนเข้าที่พักเลยขอแวะซื้อของที่ Makro ภูเก็ต สักหน่อย ได้ปลานิลตัวอวบ ๆ มาหลายตัว หมายตาไว้ว่าจะเอามาทำแกงเหลืองรสจี๊ดจ๊าดให้สมกับมาเยือนถิ่นใต้ แต่คงต้องทำเป็นมื้อค่ำ เพราะโปรแกรมวันนี้ของเราเป็นการเดินเล่นย่านเมืองเก่าภูเก็ตกันทั้งวัน

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต หรือ Phuket Old Town เราลัดเลาะตามตรอกซอกซอยในเมืองภูเก็ตอันเก่าแก่ไปตามตึกสวย ๆ ที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุกีส ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตก คือ โปรตุเกส จีน และมาเลย์ในแหลมมลายู ซึ่งมีเอกลักษณ์ความสวยงามมาก ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย จนสำนักข่าวชื่อดังระดับโลก CNN ยังยกให้ย่านเมืองเก่าภูเก็ตเป็น 1 ใน 13 เมืองสวยของเอเชีย นั่นเพราะในอดีตภูเก็ตเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า และเต็มไปด้วยแร่ดีบุก ชาวต่างชาติทั้งชาวตะวันตกและตะวันออกต่างก็หลั่งไหลเข้ามา ไม่แปลกเลยที่ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของชาวต่างชาติที่หลากหลาย
 
เดินเตร็ดเตร่สำรวจย่านเก่าแบบไม่เร่งรีบไปตาม ถนนถลาง และซอยรมณีย์ ย่านที่เต็มไปด้วยความทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในใจกลางของเกาะ เต็มไปด้วยศาลเจ้า คฤหาสน์เก่าแก่ของคหบดีชั้นสูง พิพิธภัณฑ์ โฮสเทลสไตล์เก๋ คาเฟ่สำหรับคอกาแฟ ร้านอาหารพื้นเมืองรสเด็ด และร้านค้าฮิป ๆ มากมาย เช่น ร้านผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม ผ้าปาเต๊ะ งานคราฟต์เก๋ ๆ รวมถึง Street Art งานศิลปะบนผนังสวย ๆ ฝีมือศิลปินชื่อดังจากทั่วไทยที่ทิ้งผลงานแอบไว้ตามมุมต่าง ๆ ของเมือง ตามฝาผนังบนถนนดีบุก ถนนพังงา ให้เดินดูกันเหมือนเป็นจุดเช็คพอยต์ แถมไม่มีสายไฟให้รกตา จึงดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศสวย ๆ สีละมุนตาและภาพสตรีทอาร์ตได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในปีนัง หรือถนนฮาจิเลนที่ประเทศสิงคโปร์เลยทีเดียว
เมนูของเราวันนี้คือ "แกงเหลืองมะละกอปลานิล ซีพี" ก่อนกลับบ้านพักแวะซื้ออาหารอีกหลายอย่าง อาทิ มะละกอดิบ เนื้อกรอบ รวมถึงเครื่องปรุงรสอย่าง ส้มแขก กลับถึงบ้านล้างปลานิลจนสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นสวยเตรียมลงหม้อ คราวนี้ที่เราเลือกปลานิล ซีพี ก็เพราะความอยากกินล้วน ๆ บวกกับสมาชิกในบ้านชื่นชอบปลานิล ซีพี กันอยู่แล้ว เพราะมีรสชาติอร่อย เนื้อเยอะ ขาว นุ่ม ฟู สามารถประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย และที่สำคัญปลานิล ซีพี ผ่านการเลี้ยงจากระบบฟาร์มมาตรฐาน ซีพีเอฟ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายทุกชนิด ตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนการเลี้ยง ปลานิล ซีพี ที่ได้จึงสด สะอาด ปลอดภัยอย่างแน่นอน นำมาปรุงเป็นแกงเหลืองรสเผ็ดร้อน เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แบบนี้ยิ่งเข้ากันดี เพราะรสหวานจากเนื้อปลา ทำให้น้ำแกงที่ได้มีรสชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
 
ส่วนผสม

ปลานิล ซีพี หั่นชิ้น	1 ตัว
มะละกอหั่นชิ้น	250 กรัม
ส้มแขก	5 ชิ้น
น้ำมะนาว	3-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก	1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา	3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ	1 ช้อนชา
น้ำเปล่า	4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกแกงเหลือง

พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนิ่ม	10 เม็ด
พริกขี้หนูสวนสีเขียว	2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทย	2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงหั่นหยาบ	3 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นปอกเปลือกซอยหยาบ	2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ	1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกส่วนผสมน้ำพริกแกงเหลืองรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำเปล่า ใส่น้ำพริกแกงเหลือง คนให้ละลาย พอเดือด ใส่มะละกอ คนให้เข้ากัน
3. พอมะละกอเริ่มสุก ใส่ ปลานิล ซีพี  ส้มแขก ปรุงรสด้วยน้ำปลา
4. พอปลาสุก ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ พอ ปลานิล ซีพี สุกชิมรสตามชอบ ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ