วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติเพราะมีทริปจะไปปั่นจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ลงมาถึงครัวได้กลิ่นกับข้าวหอมฟุ้งจนต้องเดินย่องเข้ามาดู เห็นคุณแม่กำลังแล่ปลานิลเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ พร้อมกับเครื่องแกงและผักสดอีกเพียบ ข้าง ๆ กันมีวางขนมจีนไว้ตะกร้าย่อม ๆ เลยคาดว่าเมนูเย็นนี้น่าจะเป็นขนมจีนน้ำยาอย่างแน่นอน

คุณแม่บอกว่าเมื่อวานไปซื้อกับข้าวที่แม็คโคร ได้ปลานิล ซีพี ตัวอ้วน ๆ มาหลายตัวเลย กะว่าวันนี้จะเอามาทำปลานิลแดดเดียวไว้สักหน่อย เพราะแดดช่วงนี้กำลังดี ตากแดดเดียวน่าจะกำลังอร่อย ปลานิล ซีพี ที่คุณแม่เลือกมานั้นเนื้อเยอะมาก ทราบมาว่าเลี้ยงจากระบบฟาร์มมาตรฐาน ซีพีเอฟ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายทุกชนิด สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ จับและจัดส่งแบบวันต่อวัน ปลานิล ซีพี ที่ได้จึงสด สะอาด ปลอดภัย อย่างแน่นอน นอกจากเมนูปลานิล ซีพี แดดเดียวแล้ว คุณแม่ยังนำปลานิลไปต้ม แกะเอาเฉพาะเนื้อมาโขลกในครกพร้อมเครื่องแกง เตรียมไว้ทำน้ำยากินกับขนมจีน คุณแม่บอกว่าเนื้อปลานิลที่ได้ ฟู ขาว และนุ่มมาก ทำเป็นน้ำยาอร่อย หรือจะนำมาทอดเป็นปลาฟูกินแกล้มก็ได้เหมือนกัน
 
ฉันเดินออกจากครัวพร้อมออกไปรับมือกับแดดเมืองไทย วันนี้จะพาไปให้ทั่วเกาะรัตนโกสินทร์กันเลย โดยจุดแรกขอเป็น “เสาชิงช้า” โบราณสถานสำคัญที่เคยใช้ในการประกอบพิธีโล้ชิงช้ามาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นแลนด์มาร์คสุดฮิต ใคร ๆ มาก็ห้ามพลาด  นอกจากแลนด์มาร์คอย่างเสาชิงช้าแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นย่านประวัติศาสตร์มีทั้งตึกเก่า ร้านรวงเก่าแก่แต่เก๋ หรือกระทั่งอาชีพที่หาดูได้ยากอย่างการประดับตกแต่งพระพุทธรูป เหมือนได้เดินเที่ยวท่องกาลเวลา แถมมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปกันอีกด้วย
ข้ามถนนมาเราสามารถแวะเข้าไปกราบสักการะ พระศรีศากยมุนี (พระโต) พระประธานในพระวิหารหลวง “วัดสุทัศนเทพวรารามฯ” เพื่อความเป็นสิริมงคลกันเสียหน่อย วัดนี้เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร อันเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 นอกจากพระโตแล้ว ไฮไลท์ของวัดนี้คือพระอุโบสถที่เรียงรายด้วยพระพุทธรูปมหาสาวกถึง 80 รูป รวมถึงภาพจิตรกรรมเปรตวัดสุทัศน์ฯ ที่หลายคนคงคุ้นหูกัน
 
“วัดเทพมณเฑียร” ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปหินอ่อนพระวิษณุและพระแม่ลักษมี บอกเลยว่าวัดนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูที่สายมูต้องมาให้ได้สักครั้ง ใกล้ ๆ กันยังมี เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ขึ้นชื่อเรื่องความเก่าแก่ ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นโบสถ์ของศาสนาฮินดูที่มีความสำคัญมากที่สุดในไทย

“วัดราชนัดดารามวรวิหาร” วัดเก่าแก่ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ที่มีมุมเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปเพียบโดยเฉพาะบริเวณ โลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในโลกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ให้ได้ชมความงดงามอลังการ และบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

“ป้อมมหากาฬ” ป้อมและกำแพงเมืองเก่าบริเวณริมคลองรอบกรุง ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้อย่าง “วัดสระเกศ” หรือ “วัดภูเขาทอง” ที่ทุกคนรู้จักกันดี ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วิจิตรงดงามและกว้างขวาง นอกจากงานวัดภูเขาทองที่เป็นที่ฮอตฮิตว่าต้องมาในรอบปีแล้ว ที่นี่ยังมีอะไรน่าสนใจมากมายให้เดินเที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระอุโบสถ หรือพระวิหารหลวงพ่ออัฏฐารส แต่ทริปนี้เราเลือกขึ้นไปชมเมืองกรุงยามเย็นกันบนพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เชื่อเถอะว่าวิวที่เห็นอยู่ตรงหน้าสวยงาม เรียกว่าตรึงตราตรึงใจเลยทีเดียว    
ส่วนผสมขนมจีนน้ำยาปลานิล CP

ปลานิล ซีพี ต้มสุกแกะเนื้อโขลกละเอียด	125 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด	50 กรัม
กระชายปั่นละเอียด	50 กรัม
หัวกะทิ	1 ถ้วยตวง
หางกะทิ	6 ถ้วยตวง
น้ำปลา	3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ	1 ช้อนชา
เส้นขนมจีน
ผักสด เช่น ใบแมงลัก กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตงกวา ถั่วงอก ผักกาดดอง

วิธีทำ
1. ใส่หางกะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด คนให้ละลาย ใส่กระชาย คนให้เข้ากัน
2. พอเดือด ใส่เนื้อปลานิล ซีพี ที่โขลกไว้ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เบาไฟเคี่ยวจน น้ำยาหอม ประมาณ 45 นาที
3. ใส่หัวกะทิ เคี่ยวจนมีน้ำมันลอยหน้า  ยกลง
4. จัดเส้นขนมจีน และผักสดใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำยาปลานิล และปลานิลแดดเดียว

ส่วนผสมปลานิล CP แดดเดียว

ปลานิล ซีพี แล่เนื้อหั่นชิ้น	500 กรัม
เกลือป่นหยาบ	2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. โรยเกลือป่นลงบนปลานิล ซีพี เคล้าให้เข้ากัน ล้างน้ำเปล่า พักให้สะเด็ดน้ำ
2. โรยเกลือป่นที่เหลือลงบนปลานิล ซีพี คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 1 ชั่วโมง
3. เรียงปลานิล ซีพี ใส่ตะแกรง ตากแดดแรง ๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือจนแห้ง
4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ปลานิล ซีพี ลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดเสิร์ฟพร้อมขนมจีนน้ำยาปลานิล