สละ... รสหวานอมเปรี้ยวนำมาทำอาหารไทย

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
4,947    9    -4    10 ธ.ค. 2562 17:00 น.
แบ่งปัน
       เมื่อก่อนนี้ฉันแยกไม่ออกระหว่าง สละกับระกำ เนื่องจากผลไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้คล้ายกันอย่างกับแกะ จนกระทั่งได้เข้ามาทำงานที่นิตยสารแม่บ้านนี่ล่ะ ถึงได้ทราบวิธีแยกแยะผลไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้ สำหรับระกำนั้นจะมีผลป้อมกว่า และมีรสเปรี้ยวจัด ส่วนสละผลจะเรียวแหลมและมีรสหวานอมเปรี้ยว ซึ่งทั้งระกำและสละนั้นนำมาปรุงเป็นอาหารไทยอร่อยอย่าบอกใครเชียว
 

จังหวัดจันทบุรีนี่ดีตรงที่มีผลไม้อร่อย ๆ ให้รับประทานกันตลอดทั้งปี สำหรับสละนั้นเห็นว่าเราสามารถรับประทานกันได้ทั้งปี แต่ถ้าจะให้อร่อยสุด ๆ คงเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ครั้งนี้เรามาที่ “สวนสละลุงปรีชา” เพื่อมานำสละสด ๆ กลับบ้านไปปรุงอาหารกัน “สละ” เป็นพืชในวงศ์ปาล์มและอยู่ในสกุลเดียวกับระกำ เป็นพืชพื้นเมืองของอินโดนีเซียและมีการปลูกทั่วประเทศ มีพันธุ์ที่หลากหลายถึง 30 พันธุ์ พันธุ์ที่นิยมมากที่สุดคือ สละปนโดะห์ (Salak Pondoh) จากจังหวัดยอร์กยาการ์ตา ในช่วงปี พ.ศ. 2537 - 2542 เคยผลิตได้ถึง 28,666 ตัน และสละบาหลี (Salak Bali) จากเกาะบาหลี เป็นที่นิยมในกลุ่มคนพื้นเมืองและนักท่องเที่ยว รสอมเปรี้ยว เนื้อเยอะ พันธุ์ย่อยที่มีราคาแพงที่สุดเรียก Gula Pasir (น้ำตาลทราย) เป็นพันธุ์ที่ผลเล็กสุดและหวานสุด นอกจากนิยมรับประทานเป็นผลไม้สด ทำน้ำผลไม้ หรือนำไปสกัดกลิ่นเพื่อใช้แต่งกลิ่นอาหารแล้ว ในอินโดนีเซียยังนิยมนำสละบาหลีไปทำไวน์ด้วยเช่นกัน

ลักษณะต้นเป็นทรงพุ่มคล้ายระกำ มีหนามแหลมแข็ง ออกตามก้านใบ ดอกแยกเพศ สีน้ำตาล แต่เกสรตัวผู้ของสละมักไม่แข็งแรง ผสมติดน้อย เกษตรกรจึงนิยมเอาเกสรตัวผู้ของระกำมาผสม ออกผลเป็นทะลายเรียก "คาน" ในแต่ละคานมีทะลายย่อยเรียก "กระปุก" ลักษณะผลของสละเป็นทรงยาวรี ผลอ่อนสีน้ำตาล เปลือกเป็นเกล็ดซ้อนกัน ผลแก่กลายเป็นสีแดงอมน้ำตาล บนผลมีขนแข็ง สั้น คล้ายหนาม ลักษณะของผลสละที่ต่างจากผลระกำคือมีเมล็ดเล็กกว่า สีเมล็ดเป็นสีน้ำตาลเข้มกว่า เนื้อสละเป็นสีเหลืองอ่อน ส่วนเนื้อระกำเป็นสีเหลืองอมส้ม สละมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนในประเทศไทยนั้นก็มีหลากหลายสายพันธุ์เช่นกัน อาทิ พันธุ์เนินวง ผลหัวท้ายเรียว สีส้มอมน้ำตาล หนามยาว ผลดิบฝาดเปรี้ยว ผลสุก หวานหอม เมล็ดเล็ก พันธุ์หม้อ ผลยาว ปลายแหลมเป็นจะงอย เปลือกสีแดงเข้ม และพันธุ์สุมาลี ทรงต้นคล้ายระกำ ผลป้อมสั้น เนื้อเป็นสีส้มคล้ายระกำ 
 

ในสละอัดแน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีการศึกษาในมหาวิทยาลัย Sabah ของมาเลเซีย ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ Nutrition & Food Science พบว่า ในสละมีสารฟีโนลิก และสารฟลาโวนอยด์ อันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โรคหัวใจขาดเลือด ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ รวมทั้งชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงสายตา เพราะมีสารเบต้าแคโรทีนในระดับที่สูงเทียบเท่ากับแคร์รอต รวมถึงมีวิตามิน A ช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน เพิ่มความคมชัดในการมองเห็นสำหรับผู้ที่มีอาการสายตาสั้น บรรเทาอาการเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหรือเล่นกีฬาได้ดี ทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกายที่เกิดมาจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มากไปด้วยไฟเบอร์ แทนนิน หรือวิตามิน C ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วนอกจากจะได้ประโยชน์ก็ยังช่วยให้อิ่มท้อง พร้อมกระตุ้นระบบการทำงานของลำไส้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องรับประทานในประมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากในสละมีปริมาณแคลอรีอยู่ที่ 60 แคลอรีต่อ 100 กรัม เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
 
 

คุณลุงปรีชาเล่าให้พวกเราฟังว่า “สละในจังหวัดจันทบุรีมีมากมายหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมปลูก คือ พันธุ์เนินวง และพันธุ์สุมาลี เนื่องจากมีเนื้อเยอะ รสชาติอร่อย และออกผลให้ได้ขายตลอดทั้งปี ที่สวนเราถ้าช่วงไหนออกมากจนขายไม่ทันก็จะนำมาแปรรูป เอามากวนบ้าง ทำลอยแก้วบ้าง เก็บไว้รับประทานหรือขายได้ตลอดทั้งปี” นอกจากนั้นยังบอกอีกว่าสละนั้นถือเป็นยาชั้นดี เพราะสามารถรับประทานแก้ได้หลายโรค โดยเฉพาะเวลาที่ท้องเสีย เพียงนำมาฝานเป็นชิ้น ๆ รับประทานสัก 1 กำมือ ก็สามารถช่วยคลายอาการท้องเสียได้ดีนัก ส่วนใครที่มีอาการกรดไหลย้อน หรือแสบร้อนกลางอก เจ้าสละนี่ก็ช่วยได้ เพียวแค่นำเนื้อสละมาผสมกับน้ำผึ้ง จะช่วยให้อาการแสบร้อนดีขึ้นได้ และถ้าเป็นคนโบราณเขาจะนำใบสละมาต้มกับน้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง ช่วยให้อาการริดสีดวงทวารบรรเทาลงได้

นอกจากสรรพคุณต่าง ๆ ที่บอกไปแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของต้นสละยังสามารถนำมาทำประโยชน์ได้เช่นกัน อาทิ ยอดอ่อนนำมาปรุงอาหาร เช่น แกง หรือรับประทานสด ส่วนรากฝอยจำนวนมาก ช่วยป้องกันการพังทลายของดิน และการลุกล้ำของดินเค็ม ใบและก้านสามารถนำมามุงหลังคา ทำร่มบังแดด หรือทำรั้วทำแนวกั้นได้ รวมทั้งใบยังใช้ห่อขนมหรือห่ออาหาร และก้านใบกรีดให้เล็กใช้ทำเป็นเชือกรัดของ สละจึงนับเป็นผลไม้ที่ให้ประโยชน์รอบด้าน ทั้งยังเก็บผลผลิตได้ยาวนานหลายสิบปี ในขณะที่เรากำลังนั่งรับประทานสละกันอยู่นั้น คุณป้า (ภรรยาคุณลุงปรีชา) ก็แนะนำเมนูเด็ด ๆ จากสละให้พวกเราหลายอย่าง อาทิ น้ำพริกสละ เมี่ยงก๋วยเตี๋ยวกับสละสด และต้มยำขาหมูใส่สละ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นเรียกน้ำลายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เราจึงขออนุญาตนำสูตรเด็ด ๆ นี้มาบอกต่อกัน เพื่อเอาใจคนชอบรสหวานอมเปรี้ยวของสละ กับเมนูไทยที่เข้ากันดีมาก

Tip : วิธีปอกเปลือกสละ เทคนิคง่าย ๆ ก็คือต้องปอกเปลือกจากปลายหางแล้วบิดเฉียงตามรูป จะทำให้ลูกสละที่อยู่ด้านในไม่สกปรกด้วยหนามของเปลือกสละ และวิธีนี้ก็ทำให้ไม่โดนหนามของเปลือกสละทิ่มหรือตำมือด้วย

สวนสละลุงปรีชา (คุณปรีชา ปิยารมย์)
ที่ตั้ง : 19 หมู่ 5 บ้านโป่งแรด ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
โทร. 08-1860-2491
 

เมี่ยงก๋วยเตี๋ยวกับสละสด
 

ส่วนผสม
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ตัดขนาด 4x4 นิ้ว นึ่งสุก 8 แผ่น
กุ้งลวกหั่นชิ้น 50 กรัม
เนื้อหมูต้มสุกหั่นชิ้น 50 กรัม
ไข่เจียวหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1 ฟอง
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 1 ถ้วยตวง
ต้นหอมหั่นท่อน 1/4 ถ้วยตวง
ถั่วงอกดิบ 1/4 ถ้วยตวง
ผักกาดหอมหั่นชิ้น 1/4 ถ้วยตวง
สละคว้านเมล็ดออกหั่น 4 ส่วน ตามยาว 8 ชิ้น

วิธีทำ
- วางก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่บนภาชนะเรียบ ใส่ส่วนผสมที่เหลือห่อเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำเมี่ยง

ส่วนผสมน้ำเมี่ยง
พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
สละคว้านเมล็ดออกหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน ใส่พริกขี้หนู กระเทียม และสละ คนให้เข้ากัน
 

ต้มยำขาหมู
 

ส่วนผสม
ขาหมูหั่นชิ้นพอคำ 600 กรัม
สละคว้านเมล็ดออก 100 กรัม
ตะไคร้บุบพอแตกหั่นแฉลบ 4 ต้น
ใบมะกรูดฉีกก้านกลางออก 3 ใบ
ข่าแก่หั่นแว่น 5 ชิ้น
หอมแดงบุบพอแตก 5 หัว
รากผักชี รากขึ้นฉ่าย บุบพอแตก อย่างละ 2-3 ราก
พริกขี้หนูแห้งคั่ว 10 เม็ด
พริกขี้หนูสวนบุบพอแตก 20 เม็ด
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 8 ถ้วยตวง
ผักชีซอยหยาบ

วิธีทำ
1. นำน้ำเปล่าใส่หม้อ ใส่ขาหมู เกลือป่น ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือด ช้องฟองออกให้หมด เบาไฟ เคี่ยวจนขาหมูนุ่ม เหลือน้ำประมาณ 3 ถ้วยตวง
2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง รากผักชี และรากขึ้นฉ่าย ลงในหม้อขาหมู พอเดือดใส่สละ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เคี่ยวต่อสักครู่
3. ยกลง ใส่น้ำมะนาว พริกขี้หนูทั้ง 2 ชนิด ตักใส่ภาชนะ โรยผักชี จัดเสิร์ฟ
 

น้ำพริกสละ
 

ส่วนผสม
พริกชี้ฟ้าสีแดง สีเหลือง สีเขียว เผาอย่างละ 2 เม็ด
หอมแดงเผา 30 กรัม
กระเทียมเผา 30 กรัม
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
สละฝานเอาแต่เนื้อ 50 กรัม
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักสดและผักลวก เช่น แตงกวา แคร์รอต ข้าวโพดอ่อน ถั่วพู มะเขือต่าง ๆ
ไข่ต้ม

วิธีทำ
1. ปอกเปลือกหอมแดง กระเทียม และลอกเปลือกพริกออก พักไว้
2. โขลกหอมแดง กระเทียม และพริกชี้ฟ้า พอหยาบ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว คนพอเข้ากัน
3. ใส่เนื้อสละ ผักชี คนให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมผักสด ผักลวก และไข่ต้ม



เรื่อง / TONGTA
ภาพ / TONGTA, ชุลีภรณ์
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ยังไม่มีรีวิว
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

3 เมนูง่ายๆ จากถั่วลิสง

พูดถึงถั่วที่สามารถรับประทานได้ง่ายๆ หลายคนคงนึกถึงถั่วลิสงต้มที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด ถั่วชนิดนี้เป็นที่นิยมรับประทานกันมาก ไม่ว่าจะนำมาต้ม ใช้เป็นกับแกล้ม หรือเป็นส่วนผสมของเมนูอร่อยๆ ในถั่วลิสงนั้นมีสรรพคุณที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก อาทิ ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสมองและประสาทตา เสริมสร้างความจำ และยังมีโคลีนที่ช่วยควบคุมความจำอีกด้วย แนะนำให้รับประทานเพียงวันละ 30 กรัม หรือ 1 กำมือเท่านั้น ถ้าจะให้ดีควรเลือกรับประทานแบบดิบหรือต้ม เพราะหากรับประทานถั่วคั่ว ถั่วทอด หรือถั่วอบ จะทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวที่มีในถั่วลิสงหายไปได้