จังหวัดปัตตานีมีประวัติความเป็นมายาวนานมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เพราะเป็นหัวเมืองท่าที่สำคัญมาตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน จึงทำให้มีคนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะชาวพุทธ มุสลิม และจีน จนได้ชื่อว่าเมืองงามสามวัฒนธรรม เราเริ่มต้นทำความรู้จักกับวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวปัตตานีที่
ชุมชนบางปู ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ สายน้ำ ผืนดิน สายลม และป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ เป็นสายใยที่ทำให้ผู้คนที่นี่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนและต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ความยิ่งใหญ่และความสวยงามของธรรมชาติมักทำให้เราทึ่งได้เสมอ กับภาพของอุโมงค์ป่าโกงกางกว้างใหญ่ และผืนป่าชายเลนที่มีหมู่ไม้เขียว ๆ เรียงตัวหนาแน่นตลอดชายฝั่ง ซึ่งเราต้องนั่งเรือลัดเลาะไปตามริมขอบอ่าวปัตตานี เพื่อชมวิถีชาวประมงพื้นบ้าน สัมผัสความมหัศจรรย์ของป่าชายเลนที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ตื่นตากับนกนานาพันธุ์ที่จะพบเห็นได้ตลอดทาง บางสายพันธุ์ก็อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ ซ่อนเร้นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ใต้ดงต้นโกงกาง พอมีเรือผ่านใกล้ก็แตกรัง บินร่อนฉวัดเฉวียนไปมา ยังว่ากันว่าหากมาในคืนเดือนแรมจะพบหิ่งห้อยเปล่งแสงวิบวับกันอย่างเมามันอีกด้วย เป็นธรรมชาติที่พบสักครั้งแล้วจะรู้ว่าความสุขคืออะไร ในขณะเดียวกันผู้คนก็ยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเองและจริงใจเป็นที่สุด
เสน่ห์ของบางปูที่เราค้นพบไม่ได้มีเพียงธรรมชาติเขียวชอุ่มและรอยยิ้มงดงามเท่านั้น แต่ยังมีอาหารที่มัดใจเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอาหารทะเลสดใหม่ และ
“ขนมมาดูฆาตง” อีกหนึ่งเมนูอร่อย ขนมพื้นบ้านสีขาวทรงยาว ที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า และมะพร้าวขูดผสมรวมกัน นวดให้เข้ากันแล้วย่างจนสุก ราดด้วยน้ำกะทิและโรยด้วยน้ำตาลผสมงาขาว ทานตอนร้อน ๆ อร่อยสุด ๆ ไม้ละ 5 บาทเท่านั้น เป็นขนมถิ่นที่ต้องกินให้ได้สักครั้งแล้วคุณจะติดใจ