ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส
“ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว
ครั้งนี้อยากพูดเรื่องของกระแสลดโลกร้อน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของ
“ออร์แกนิค” คำว่าออร์แกนิคถ้าให้ตีความหมายรวมคงหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี ไม่มีการดัดแปลง ไม่ใช่ผลิตผลจากพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs - Genetically Modified Organisms) โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านกฎง่าย ๆ เพียงแค่ 3 ข้อคือ 1. ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ 2. ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย 3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต ถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อนคงเป็นเรื่องที่จับต้องยากพอสมควร แต่ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายแล้ว เนื่องจากมีผู้ผลิตมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคมากมายที่เป็นสินค้าออร์แกนิค รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เรานัดพูดคุยกับเจ้าของร้าน
Organic Supply ทั้ง 4 ท่าน เพื่อนำเสนอมุมมองง่าย ๆ เกี่ยวกับ ออร์แกนิค ให้ได้ทราบกันว่าเข้าถึงง่ายกว่าที่หลายคนคิด
คุณน้ำตาล-ณัฏฐดา สมตน, คุณก๊อต-ฎรงศ์กลด สมตน, คุณเล็ก-อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร และคุณทราย-ถวัลยา จันทร์อินทร์ 4 เรี่ยวแรงใหญ่ที่ก่อตั้งร้านนี้ขึ้นมา “ตอนแรกที่คุยกันเรายังไม่คิดถึงการเปิดเป็นร้านอาหารนะ ตั้งใจอยากให้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆ ที่รวมวัตถุดิบและไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสินค้าออร์แกนิคมากกว่า” คุณน้ำตาลกล่าวประโยคแรกหลังจากที่นั่งคุยกัน โดยคุณเล็กเสริมต่อด้วยว่า “เราทั้ง 4 คนไม่ได้เป็นสายออร์แกนิคโดยตรงนะ แต่หลังจากที่พูดคุยกันแล้วมันโอเค มันลงตัว เราก็ทำกันเลย คือคุยกันวันนี้จบก็ได้ชื่อร้านเลยครับ สิ่งที่เราทำไม่ได้คิดว่าจะมีลูกค้าหรือเปล่า เราแค่อยากทำให้คนรู้จักก่อนว่าออร์แกนิคคืออะไรเท่านั้นเอง”
ความแตกต่างของสินค้าทั่วไปกับสินค้าออร์แกนิค...
คุณเล็ก - ถ้าให้ตัดสินเร็ว ๆ ผมไม่รู้สึกอะไรนะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ เลยคือ มันดีกับคนที่เขาตั้งใจทำ เพราะการทำสินค้าออร์แกนิคแต่ละชิ้นไม่ง่าย ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ทุกอย่างต้องใส่ใจหมด มันจึงกลายเป็นของดีแบบไม่ต้องสงสัย
คุณน้ำตาล - ส่วนของที่นำมาจำหน่ายในร้านเราจะเลือกสิ่งที่เคยลองใช้แล้วชอบมาขายก่อน ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ รวมถึงเมนูอาหารในร้านด้วย หลังจากเราเปิดได้สักระยะคนเริ่มรู้จักมากขึ้น ผู้ผลิตสินค้าออร์แกนิคก็เริ่มเข้ามาหาเอง ซึ่งอันนี้เราก็ต้องดูก่อนว่าสินค้าที่เขานำเสนอเป็นอย่างไร”
คุณเล็ก – เราเลือกของค่อนข้างละเอียดครับ สกรีนเยอะพอควรเลย พูดคุยกันหลายเรื่องกับผู้ผลิต ทั้งในเรื่องของสินค้าและเรื่องของจิตใจ มีอยู่เจ้าหนึ่งที่เชียงราย ยังเด็กอยู่เลย เพิ่งเรียนจบจากออสเตรเลีย เขามีที่ดินในเชียงรายแล้วแบ่งให้กับชาวนาที่มีหนี้สินคนละแปลงเพื่อทำกิน จากนั้นก็นำสินค้าของชาวนามาขายอีกที พอเห็นแบบนี้เราก็รับเลย คือเขามีความตั้งใจ เราจึงอยากส่งต่อความตั้งใจนั้นให้กับผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง
คุณทราย - เดี๋ยวนี้คนรักสุขภาพมากขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้เขาจะทำสินค้าไว้ใช้เองที่บ้าน และเมื่อเห็นว่าดีเขาก็ลองนำสินค้านั้นมาจำหน่าย ซึ่งในร้านเรามีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งของไทยและต่างประเทศ ในช่วงแรกเราจะรับแต่สินค้าไทยเท่านั้น ส่วนสินค้าบางชิ้นที่มาจากต่างประเทศเพราะผลิตในประเทศไทยไม่ได้จริง ๆ เท่านั้น
คำว่า “ออร์แกนิค” ยากเกินไปหรือไม่สำหรับคนไทย...
คุณเล็ก – จริง ๆ มันก็แค่กลับไปสู่ยุคโบราณนะ ในยุคนั้นไม่มีสารเคมี ทำเกษตรโดยใช้มูลสัตว์เป็นปุ๋ย เป็นการเวียนเอาของเก่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แค่เราหยุดคิดนิดหนึ่งว่าสิ่งที่เรากำลังจับอยู่นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะเคยเห็นผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด เขาจะถือตะกร้าไปจ่ายตลาดตอนเช้า กลับถึงบ้านทำอาหารใส่ปิ่นโต แล้วไปใส่บาตรที่วัด ในกระบวนการเหล่านี้ไม่มีการใช้ถุงพลาสติกเลยสักชิ้นเดียว ผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายทีเดียวนะ
คุณทราย – มันเป็นความเคยชินมากกว่า เคยชินที่เวลาซื้อของต้องหิ้วถุงพลาสติก ถ้าเรากำจัดความเคยชินเหล่านี้ไปได้มันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก อยากให้คนหันมาใช้ของที่สามารถนำกลับมาใช้ต่อได้ อย่างแก้วน้ำ หลอด กล่องใส่อาหาร กระเป๋าผ้า หรือถุงกระดาษ
คุณเล็ก – หลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจ เราแค่ต้องค่อย ๆ เริ่มที่จะปรับกันไป ออร์แกนิคของผมไม่ได้แค่เรื่องอาหารการกินอย่างเดียว มันรวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย แค่ซื้อของในร้านสะดวกซื้อแล้วไม่รับถุงก็โอเคแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ร้านเราจะมีถุงกระดาษใส่ของให้ลูกค้า แต่ก็จะแนะนำว่าถ้านำถุงผ้ามาใส่เองจะดีกว่า ช่วงแรกคนก็ไม่เข้าใจนะ เขาคิดว่าซื้อของแล้วก็ต้องใส่ถุงให้ ซึ่งเรื่องแบบนี้เราก็ต้องอธิบายให้เข้าใจกัน แต่ก็มีหลายคนที่เก็ตเลย
คุณน้ำตาล – สินค้าที่ร้านเราจะเลือกของที่จับต้องง่าย เพื่อค่อย ๆ ให้ลูกค้ารู้จักกันก่อน เราจะมีตะกร้าให้ลูกค้านำถุงกระดาษที่ไม่ใช้มาใส่ไว้ เผื่อว่าใครที่ไม่ได้พกถุงมาจะได้หยิบไปใช้ได้เลย
คุณเล็ก – และมันจะดีมากถ้าวันหนึ่งถุงกระดาษมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเท่ากับว่าคนที่มาซื้อของในร้านนำถุงผ้ามาเองทั้งหมด
ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรักสุขภาพ...
คุณเล็ก – ลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะรวม ๆ กันครับ เริ่มจากผู้ใหญ่ก่อน พอภาพของร้านออกไปเลยมีลูกค้ากลุ่มทำงานและวัยรุ่นเริ่มเข้ามา ร้านเราดูสบาย ๆ มากกว่า เลยนั่งได้ทุกกลุ่ม
คุณน้ำหวาน – ตอนที่เราเปิดร้านใหม่ ๆ เรามีโต๊ะใหญ่แค่ตัวเดียวนะ อยากให้คนได้เข้ามานั่งคุยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้พูดคุยกัน เหมือนเข้ามานั่งในบ้าน
คุณเล็ก - เป็นเรื่องดีนะ ตอนแรกก็มีความขัดเขินเกิดขึ้นบ้าง แต่หลัง ๆ ก็ดีขึ้น ลูกค้าเริ่มคุยกัน แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มที่รักสุขภาพ และสนใจเกี่ยวกับเรื่องของออร์แกนิค
กระแสของออร์แกนิคจะอยู่ได้นานขนาดไหน...
คุณเล็ก - สำหรับตัวผมเองมันเหมือนกับ ถ้ายังมีคนซื้องาช้างอยู่ ก็ยังมีคนตัดงาช้างออกมาขาย เหมือนกับถ้าคนใช้สินค้าออร์แกนิคอยู่ คนก็มีทำออกมาขายเช่นกัน แต่เมื่อไหร่ที่คนไม่ซื้อคนทำก็ขายไม่ได้ มันก็จะหมดไป แต่ตอนนี้อยากให้เป็นกระแส คือให้คนรู้จักให้ทั่วกันก่อน ส่วนคนจะใช้หรือไม่ใช้ยังไงค่อยว่ากัน ผมไม่รู้จะอยู่ได้นานขนาดไหน แต่คิดว่ามันเป็นกระแสที่ดีที่เกิดขึ้นกับทุก ๆ คนอยู่แล้ว สำหรับเรื่องสุขภาพ ผมมองว่าให้มันเป็นแฟชั่นไปเลย ให้มันเป็นกระแสหนัก ๆ ไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องดี
คุณทราย - ต่อไปอาจจะไม่มีคำว่าออร์แกนิคก็ได้ ถ้าเราทำจนเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายหรือข้อบังคับ อาจทำให้ออร์แกนิคกลายเป็นเรื่องปกติไปเลย ไม่ใช่เป็นแค่ทางเลือกหรือเทรนด์
จุดเริ่มต้นและประโยชน์ของออร์แกนิค...
คุณเล็ก - เริ่มจากอะไรที่ไม่ยากก่อน ไม่เหนื่อยเกินไปก็ทำ เราไม่จำเป็นจะต้องกินอาหารออร์แกนิคทุกมื้อ แค่ทำที่พอทำได้ก็โอเคแล้ว เพราะถ้ายากเกินไปมันก็จะเหนื่อยและทำให้ท้อได้ ไม่ได้เฉพาะเรื่องอาหารนะ คือทุกเรื่องของการใช้ชีวิตเลย สรุปสั้น ๆ คือ มันดีกับคนที่ทำและดีกับคนที่ใช้
คุณทราย - คนทำก็จะดีกับสิ่งแวดล้อม ส่วนคนใช้ก็ดีกับตัวเอง
คุณน้ำตาล - คือทุกอย่างจะกลับมาที่ตัวเองหมด เป็นการแบ่งปันสิ่งที่ดีร่วมกันหมด
การที่ได้นั่งพูดคุยวันนี้ไม่ใช่แค่การบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดเป็น
Organic Supply แต่คือสิ่งที่อยากให้ลองปรับและเปลี่ยนกันดู เริ่มไม่ยากแค่วันละนิด เก็บแต้มง่าย ๆ ให้กับตัวเอง ไม่ต้องถึงกับจริงจังจนสุดโต่ง เพียงแค่ใส่ความตั้งใจลงไป มองหาอาหารดี ๆ ที่ควรกินในแต่ละมื้อ เลือกใช้ของที่ผ่านการคัดกรองอย่างถี่ถ้วน ปรับนิสัยการใช้ชีวิตทีละน้อยเพื่อให้ร่างกายได้พักบ้าง เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว ที่สำคัญคืออย่ามองว่าเรื่องสุขภาพเป็นแค่กระแส แต่จงมองว่ามันคือการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน รับรองว่ามันไม่ยากเลยถ้าคุณมองแบบนั้น ลองดูค่ะ...
ที่ตั้ง : 148 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
โทร. 0-2101-6410
FB : Organic Supply
IG : organicsupplybkk
เรื่อง : TONGTA
ภาพ : ธราดล