มื้อนี้ขอกินเจ

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
2,913    5    -4    1 ต.ค. 2562 10:34 น.
แบ่งปัน
“เรื่องเล่าสุขภาพจากที่ตัวเองเคยสัมผัส พร้อมแปลงปลูกผักเล็ก ๆ ในรั้วบ้าน อยากกินเมื่อไรก็เดินไปเด็ดสด ๆ มาปรุงอาหารได้ทันที ถึงแม้จะไม่มีพื้นฐานด้านอาหารมากนัก แต่ก็รักในการทำ และอยากแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้อ่านกัน”
       เมื่อตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าช่วงเทศกาลกินเจที่บ้านใหญ่จะวุ่นกันมาก เป็นเพราะทั้งเขยทั้งสะใภ้ของบ้านมีเชื้อสายจีนซะเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เหมือนเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี หลังจากทำพิธีกรรมต่าง ๆ เรียบร้อยในตอนเช้า ก็จะเริ่มสู่การรับประทานอาหารเจกันอย่างจริงจัง ส่วนเมนูยอดนิยมหนีไม่พ้น ต้มจับฉ่าย (หม้อยักษ์) อยากจะบอกว่าหม้อที่ใช้ต้มจับฉ่ายนั้นเด็กอย่างฉันสามารถลงไปนอนเล่นได้เลย ที่บ้านจะเหมาผักเกือบทั้งตลาดมาทำเมนูนี้โดยเฉพาะ สำหรับเมนูนี้ใส่ผักค่อนข้างหลากหลาย ที่ขาดไม่ได้คือ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว กวางตุ้ง คะน้า หัวไช้เท้า แคร์รอต เห็ดหอม เต้าหู้ ดังนั้นหน้าที่หลักของเด็ก ๆ ในบ้านคือการล้างผัก พี่คนไหนที่โตหน่อยก็ได้จับมีดหั่น ๆ สับ ๆ กับตามระเบียบ จากนั้นก็นำผักเหล่านั้นลงไปผัดในน้ำมันจนสลด แล้วจึงนำมาใส่หม้อใบยักษ์เพื่อต้มต่อไป ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็จะได้จับฉ่ายอร่อย ๆ ไว้ให้พวกเราได้รับประทานกัน แต่ถ้าจะให้อร่อยกว่าเดิมต้องทิ้งข้ามคืน นำมารับประทานพร้อมกับข้าวต้มหรือข้าวสวยก็อร่อยทั้งนั้น

        ส่วนครั้งนี้คงขอเน้นเมนูง่าย ๆ จานเดียวที่สามารถทำไปรับประทานที่ไหนก็ได้ อย่าง หมี่กึงผัดกะปิเจ พาสต้าเส้นบุกผัดเห็ดญี่ปุ่น และข้าวผัดน้ำพริกแกงเผ็ด ทุกเมนูสามารถรับประทานแกล้มได้กับฟองเต้าหู้ทอดกรอบ รับรองว่าอร่อยเด็ดไม่แพ้ไก่ทอดแน่นอน
 

หมี่กึงผัดกะปิเจ

 
ส่วนผสม
หมี่กึงหั่นชิ้น 250 กรัม
กะปิเจ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าสีแดง สีเหลือง หั่นแฉลบอย่างละ 1 เม็ด
ใบโหระพา 1/4 ถ้วยตวง
ยอดมะพร้าวหั่นชิ้น 100 กรัม
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. โขลกกะปิเจกับพริกขี้หนูสวนให้ละเอียด ใส่น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่น้ำพริกที่โขลกไว้ผัดพอหอม ใส่หมี่กึง ซอสถั่วเหลือง ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่า เบาไฟ เคี่ยวพอเริ่มแห้ง
3. ใส่ยอดมะพร้าวผัดพอสุก ใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ผัดให้เข้ากัน จัดเสิร์ฟ
 

พาสต้าเส้นบุกผัดเห็ดญี่ปุ่น


 
ส่วนผสม
เส้นบุกแบบพาสต้า 200 กรัม
เห็ดชิเมจิ 25 กรัม
เห็ดหิมะ  25 กรัม
หมี่กึงหั่นชิ้น 50 กรัม
ซอสปรุงรส 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 1/4 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า
เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำ
1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่เกลือป่น ใส่เส้นบุกลงต้มประมาณ 4-5 นาที ตักขึ้นล้างผ่านน้ำ พักให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่หมี่กึงลงผัด ตามด้วยเห็ดทั้ง 2 ชนิด ผัดให้เข้ากัน ใส่เส้นบุก ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย พริกไทยป่น
3. ผัดให้เข้ากัน ใส่ขึ้นฉ่ายผัดให้เข้ากันอีกครั้ง จัดเสิร์ฟร้อน ๆ
 

ข้าวผัดน้ำพริกเผาเจหมี่กึงทอดกรอบ
 


ส่วนผสม
ข้าวสวยหุงสุก 2 ถ้วยตวง
น้ำพริกเผาเจ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนชา
พริกสดสีแดงซอย 2 เม็ด
พริกไทยอ่อนหั่นท่อน 1  ช่อ
ตะไคร้หั่นแฉลบ 1 ต้น
ข่าหั่นแว่น 2 แว่น
ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาวหั่นชิ้น
น้ำมันพืช

วิธีทำ
1. ใส่น้ำพริกเผาเจลงในข้าวสวยเคล้าเบา ๆ ให้เข้ากัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยพอร้อน ใส่ข้าวที่เตรียมไว้ในข้อที่ 1 ผัดพอร้อน ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง ใส่ใบมะกรูด พริกสด พริกไทยอ่อน ตะไคร้ ข่า และขึ้นฉ่าย ผัดให้เข้ากัน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมหมี่กึงทอดกรอบและมะนาว

ส่วนผสมหมี่กึงทอดกรอบ
หมี่กึงหั่นชิ้นใหญ่ 80 กรัม
แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป (เจ)
เกล็ดขนมปัง
เกลือป่น
พริกไทยป่น
น้ำเย็นจัด
น้ำมันพืช

วิธีทำ
1. โรยเกลือป่น พริกไทยป่น ลงในหมี่กึง คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 5 นาที
2. ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็นจัดให้มีลักษณะข้นพอประมาณ นำหมี่กึงที่หมักไว้ลงชุบให้ทั่ว แล้วนำลงคลุกในเกล็ดขนมปัง ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชร้อนไฟปานกลางจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน



เรื่อง : ป้าแก้มอิ่ม
ภาพ : ชุลีภรณ์
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ยังไม่มีรีวิว
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

Organic Supply “ออร์แกนิค” ไม่ได้เป็นแค่กระแส

ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ครั้งนี้อยากพูดเรื่องของกระแสลดโลกร้อน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของ “ออร์แกนิค” คำว่าออร์แกนิคถ้าให้ตีความหมายรวมคงหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี ไม่มีการดัดแปลง ไม่ใช่ผลิตผลจากพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs - Genetically Modified Organisms) โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านกฎง่าย ๆ เพียงแค่ 3 ข้อคือ 1. ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ 2. ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย 3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต ถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อนคงเป็นเรื่องที่จับต้องยากพอสมควร แต่ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายแล้ว เนื่องจากมีผู้ผลิตมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคมากมายที่เป็นสินค้าออร์แกนิค รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เรานัดพูดคุยกับเจ้าของร้าน Organic Supply ทั้ง 4 ท่าน เพื่อนำเสนอมุมมองง่าย ๆ เกี่ยวกับ ออร์แกนิค ให้ได้ทราบกันว่าเข้าถึงง่ายกว่าที่หลายคนคิด