การกินอาหารของคุณในแต่ละมื้อเหลือมากน้อยขนาดไหน... หลายคนกินหมดไม่มีเหลือซึ่งนับเป็นข้อดี แต่บางคนกลับกินเหลือทำให้ต้องทิ้งอาหารเหล่านั้นไปโดยเปล่าประโยชน์
“ขยะอาหาร” นับเป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบไปทั่วโลก โดยปัจจุบันอาหารที่ถูกทิ้ง สร้างมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกสูงถึง 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ส่วนในประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในขยะเหล่านั้นมีขยะอาหารเป็นสัดส่วนมากถึง 64% เลยทีเดียว
Food Waste คือ ของเสียเหลือทิ้งที่มาจากการประกอบอาหารและรับประทานอาหาร National Geographic รายงานว่า กว่าร้อยละ 30 ของอาหารที่ผลิตได้แต่ละปีในสหรัฐ ถูกทิ้งเป็นขยะคิดเป็นมูลค่า 162,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในสหราชอาณาจักร แต่ละปีมีอาหารถูกทิ้งเปล่าประมาณ 10 ล้านตัน โดยเป็นฝีมือของครัวเรือนเกือบ 7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 10,200 ล้านปอนด์ ในเดนมาร์ก มีอาหารถูกทิ้งทั้งหมดปีละ 7 แสนตัน ทิ้งในระดับครัวเรือน 260,000 ตัน และระดับค้าปลีก 133,000 ตัน รวมกันเป็น 56% ของปริมาณอาหารที่ถูกทิ้งทั้งหมด ส่วนในฝรั่งเศสมีอาหารเหลือทิ้ง 10 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 16 ล้านยูโรเลยทีเดียว
ทำไมเราถึงต้องใส่ใจเรื่องของขยะอาหาร เนื่องจากขยะอาหารนั้นส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ เพราะการที่มีอาหารเหลือทิ้งในปริมาณมาก แสดงให้เห็นถึงการลงทุนที่ไร้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ เหตุเพราะแทนที่อาหารที่ถูกผลิตจะส่งผลทำให้มนุษย์มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กลับถูกทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ หากเราลดปริมาณอาหารที่ถูกทิ้งลงได้ จะสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารในครัวเรือนได้ รวมถึงส่งผลทำให้ปริมาณอาหารในท้องตลาดมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย
ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งคือ สิ่งแวดล้อม เพราะอาหารที่ถูกทิ้งส่วนใหญ่จะถูกทำลายด้วยการฝังกลบซึ่งส่งผลทำให้เกิดก๊าซมีเทน ก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลให้เกิดสภาวะเรือนกระจกที่รุนแรงยิ่งกว่า คาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า ในต่างประเทศตื่นตัวกันมากในเรื่อง Food Waste โดยการนำขยะอาหารมาดัดแปลงใหม่ให้นำมาบริโภคได้อีกครั้ง อาทิ Foodcycle ที่จับมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร โรงแรม นำอาหารที่เกินความต้องการแต่ยังมีคุณภาพดีอยู่ มาทำอาหารให้คนไร้บ้าน รวมถึงผู้ที่มีรายได้น้อย สามารถช่วยลดปัญหาขยะอาหารได้มากกว่าแสนตันต่อปี หรือในประเทศอังกฤษ ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่อย่าง Asda เริ่มมีการจำหน่ายผักตกคัด (ไม่สวย ปริ ฯลฯ) ในราคาถูก โดย Asda ได้ทำการซื้อผักเหล่านี้โดยตรงจากเกษตรกร นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกที่ขายผักตกคัด
ในประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่หันมาใส่ใจในเรื่อง Food Waste ครั้งนี้อยากยกตัวอย่าง
มูลนิธิ Thai SOS (Scholars of Sustenance) ที่มีเป้าหมายจัดการของเสียและอาหารที่เกินความต้องการได้อย่างมีคุณค่าสำหรับชุมชนที่ต้องการ โดยการนำอาหารเหลือทิ้งจากห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร อาทิ ผักผลไม้มีตำหนิ ขนมปังหมดอายุ (แต่ยังกินได้) อาหารปรุงสำเร็จ (ที่จำหน่ายไม่หมด) มารวบรวมแล้วส่งต่อไปให้กับผู้ด้อยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ รวมถึงผู้ยากไร้ ซึ่งสามารถส่งต่ออาหารได้มากถึง 1 แสนมื้อต่อปี
นอกจากนั้นยังมีบริษัทเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่อย่าง IKEA ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะลดความสูญเสียอาหารลง 50% ภายในปี ค.ศ.2020 โดยนำ 5 ไอเดียหลักมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เริ่มจาก วัตถุดิบหมดอายุ เสื่อมสภาพ แก้ได้ด้วยการจัดการที่พอดี, วางแผนเตรียมอาหารอย่าให้มากเกินความต้องการของผู้บริโภค, ลดปริมาณเศษอาหาร เศษวัตถุดิบที่เหลือจากการตัดแต่ง ให้เหลือน้อยที่สุด, อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว โดยเฉพาะตู้เย็น ควรหมั่นเช็คสภาพเพื่อคุณภาพการเก็บรักษาที่ดี และรณรงค์ สร้างจิตสำนึก กินให้หมด อย่าให้เหลือ
คนในแถบประเทศทางเอเชียค่อนข้างโชคดี เพราะมีวิธีนำอาหารมาทำใหม่ได้หลากหลาย ครั้งนี้เราจะแบ่งวิธีจัดการกับขยะอาหารออกเป็น 3 กลุ่ม เริ่มจาก
“อาหารเหลือจากมื้อก่อนนำมาทำอะไรได้บ้าง” อาหารเหลือในแต่ละมื้อไม่เหลือทิ้ง แต่ต้องนำกลับมาดัดแปลงใหม่ให้กินได้ อาทิ การนำน้ำพริกที่เหลือจากมื้ออาหารมาทำเมนูจานใหม่ เป็นข้าวผัดน้ำพริก กินคู่กับปลาทอดที่เหลือ และผักสด หรือจะนำน้ำพริกที่เหลือมาต้มพร้อมกับเนื้อสัตว์ กลายเป็นเมนูโบราณอย่าง แกงรัญจวน นอกจากนั้นยังมี แกงโฮะ ที่นำอาหารหลายอย่างมารวมกัน (อาหารเหลือ) แล้วปรุงใหม่ตามชอบ เพิ่มวุ้นเส้น หน่อไม้ แต่งกลิ่นด้วยใบมะกรูด และตะไคร้
“เศษเนื้อสัตว์หลังจากตัดแต่ง เปลือกผักและผลไม้ นำมาทำเมนูจานใหม่” เศษอาหารหรือวัตถุดิบจากการหั่น และตัดแต่งมักถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เราสามารถนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาดัดแปลงได้ อาทิ นำของทะเลทั้งหมด (ปลาหมึก ก้างปลา เปลือกกุ้ง และเปลือกผัก) มาทำเป็นซุปทะเล หรือนำเศษเนื้อมาสับรวมกันแล้วปรุงรสใหม่ ทำเป็นอาหารได้หลากหลาย ทั้งลาบทอด, ห่อหมกย่าง, คั่วกลิ้ง ฯลฯ ส่วนเศษผักที่ถูกทิ้งจะนำมาทำผักดองก็ได้เช่นกัน
“วัตถุดิบ 1 อย่าง แบ่งได้หลายเมนู” การซื้อสินค้าจากตลาดสดหรือจากสวนผักผลไม้ ส่วนมากจะต้องซื้อในปริมาณที่มากกว่าปกติ ไม่เหมือนกับการซื้อของตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่ทำการตัดแต่งให้แล้ว อย่างเช่น ต้องซื้อฟักทองเป็นลูกใหญ่ ๆ ดังนั้นเราต้องคิดก่อนว่าจะทำให้ฟักทอง 1 ลูก ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดได้อย่างไร อาจจะแบ่งฟักทองออกเป็น 4 ส่วน นำมาทำอาหารจำพวกแกง 1 ส่วน ผัด 1 ส่วน นำมาทำขนม 1 ส่วน และส่วนที่เหลืออาจนำมาทำเป็นของกินเล่น อย่างฟักทองฉาบก็ได้เช่นกัน
เบอร์เกอร์หมู เสิร์ฟพร้อมผักดองสามรส
เศษหมูที่เหลือทิ้งจากการถูกตัดแต่ง สามารถนำมาผสมรวมกัน พร้อมกับปรุงรสใหม่ได้ อาจใส่เครื่องแกง หรือเครื่องเทศลงไป เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ จะนำมาปรุงโดยการทอด ปิ้ง ย่าง อบ หรือต้มก็ได้ทั้งนั้น ส่วนเศษผักที่เหลือนำมาทำความสะอาด แล้วดองแบบเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินแกล้มได้อร่อยไม่น้อย
ส่วนผสม
เบอร์เกอร์หมูทอด 2 ชิ้น
ผักดอง 1/4 ถ้วยตวง
ขนมปังเบอร์เกอร์กริลล์ 2 คู่
ใบมะกรูดทอดสำหรับโรย
หอมแดงเจียวสำหรับโรย
ซอสพริกแกง
ผักสลัดตามชอบ
วิธีทำ
วางขนมปังเบอร์เกอร์ลงบนภาชนะ ใส่ผักสลัด เบอร์เกอร์หมู ผักดอง ราดซอสพริกแกง โรยใบมะกรูดทอด หอมแดงเจียว ปิดด้วยขนมปังอีกชิ้น จัดเสิร์ฟ
ส่วนผสมเบอร์เกอร์หมูทอด
หมูสับ 400 กรัม
หอมหัวใหญ่ 70 กรัม
ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
ออริกาโน 1 ช้อนชา
ใบไทม์ 2 ช้อนชา
โรสแมรี่ 1 ช้อนชา
พาร์สเลย์สับ 2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
แป้งทอดกรอบสำเร็จรูปสำหรับคลุก
ไข่ไก่สำหรับชุบ
เกล็ดขนมปังสำหรับคลุก
น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าพอเข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที ปั้นเป็นก้อนกลมพักไว้
2. นำส่วนผสมข้อที่ 1 คลุกแป้งทอดกรอบ ชุบไข่ไก่ คลุกเกล็ดขนมปังพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชร้อนไฟปานกลาง พอสุกเหลือง ตักขึ้นพักไว้
ส่วนผสมซอสพริกแกง
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 5 ฟอง
น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
เนยสดชนิดจืดละลาย 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ใส่ไข่แดงลงในภาชนะ วางบนหม้อที่ต้มน้ำร้อนไว้ ตีพอขึ้นฟู ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด ตีพอเข้ากัน
2. ใส่เนยสด ตีพอเข้ากัน ยกลง
ส่วนผสมผักดอง
แคร์รอตสไลซ์ 60 กรัม
หัวไชเท้าสไลซ์ 60 กรัม
แตงกวาสไลซ์ 60 กรัม
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ใส่น้ำส้มสายชู น้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือป่นลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงพักให้เย็น
2. ใส่ผักลงในน้ำปรุงรสข้อที่ 1 แช่ไว้ในตู้เย็น 30-60 นาที
แตงโมปลาแห้ง
เมนูโบราณที่ไม่เห็นบ่อยนัก เดือนนี้อากาศร้อนกินได้บ่อย ๆ ชื่นใจดีเหมือนกัน วิธีทำไม่ยาก เพียงแค่เตรียมแตงโมสีแดงหรือสีเหลือง หั่นเป็นชิ้นพอคำ กินพร้อมกับปลาแห้งรสหวานเค็ม หรือจะกินกับข้าวสวยก็ได้เช่นกัน
ส่วนผสม
ปลาแห้งรมควัน 60 กรัม
หอมแดงเจียว 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 80 กรัม
เกลือป่นหยาบ 1 ช้อนชา
แตงโมสีเหลือง สีแดงหั่นชิ้น
น้ำมันพืชเล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำปลาแห้งขึ้นย่างบนเตาไฟพอสุกหอม ยกลง แกะเอาแต่เนื้อ โขลกหรือปั่นให้ละเอียด
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่ปลาแห้งลงคั่วพอกรอบ ใส่หอมแดงเจียว น้ำตาลทราย เกลือป่น คั่วพอเข้ากัน ยกลงพักไว้
3. จัดแตงโมใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมปลาแห้ง
แกงส้มเปลือกแตงโม
เปลือกแตงโมที่เหลือจากเมนูแตงโมปลาแห้งอย่าเพิ่งทิ้ง เฉือนส่วนเปลือกด้านนอกสีเขียวเข้มทิ้งไป ส่วนที่เหลือล้างให้สะอาดแล้วนำมาทำแกงได้หลากหลาย แต่ที่เข้าเนื้อสุด ๆ คงเป็นแกงรสเปรี้ยวนำ ไม่ว่าจะเป็นแกงส้ม แกงเหลือง ก็อร่อยทั้งนั้น
ส่วนผสม
กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออก 8 ตัว
เปลือกแตงโมหั่นชิ้น 250 กรัม
พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำพอนุ่ม 3 เม็ด
พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำพอนุ่ม 5 เม็ด
กะปิ 2 ช้อนชา
กระชายซอย 1/4 ถ้วยตวง
หอมแดงหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียกคั้นเข้มข้นปานกลาง 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนูแห้ง พริกชี้ฟ้าแห้ง และเกลือป่นให้ละเอียด ใส่หอมแดง กะปิ กระชาย โขลกต่อให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่น้ำพริกแกงส้มข้อที่ 1 คนให้ละลายพอเดือด ใส่เปลือกแตงโม
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก คนพอเข้ากันพอเปลือกแตงโมสุก ใส่กุ้ง คนพอเข้ากันอีกครั้ง พอสุกยกลง ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
ข้าวผัดน้ำพริกกะปิกับปลาฟู
เมื่อคืนกินน้ำพริกเหลือ นำมาผัดกับข้าวสวยได้ ปรุงเพิ่มให้รสเข้มขึ้น อาจใส่มะเขือพวงกับพริกขี้หนูลงไปเพิ่ม กินพร้อมผักสด ผักลวก ไข่เจียว หรือจะนำปลาทอดที่เหลือมากินด้วยก็ได้ แต่ถ้าปลาที่เหลือเป็นปลานึ่ง แนะนำให้สับเนื้อปลาจนละเอียด แล้วทอดให้ฟูกรอบ กินได้ไม่เบื่อบอกเลย
ส่วนผสม
ข้าวสวย 350 กรัม
พริกขี้หนูสวนบุบพอแตก 10 เม็ด
น้ำพริกกะปิ 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ใบบัวบก มะเขือ
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่พริกขี้หนูสวน น้ำพริกกะปิลงผัดพอหอม
2. ใส่ข้าวสวยลงผัดพอเข้ากัน ยกลงตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมปลาทับทิมฟูและผักสดตามชอบ
ส่วนผสมปลาทับทิมฟู
เนื้อปลาทับทิมย่าง 350 กรัม
น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. สับเนื้อปลาทับทิมย่างให้ละเอียด พักไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่เนื้อปลาทับทิมลงทอดพอเหลืองกรอบ พับให้สวยงาม ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
ส่วนผสมน้ำพริกกะปิ
กะปิห่อใบตองปิ้งพอหอม 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
กระเทียมไทย 5 กลีบ
น้ำมะนาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 5 ช้อนชา
น้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือพวง 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. โขลกกระเทียมและกะปิให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนู บุบพอแตก ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ เติมน้ำอุ่น คนพอเข้ากัน
2. ใส่มะเขือพวงบุบพอแตก ตักใส่ภาชนะ
ไอศกรีมเชอร์เบทมะม่วง เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูน
เมนูของหวานเย็นฉ่ำ ทำจากมะม่วงสุกที่เกือบเละ ขูดเฉพาะเนื้อมาต้มกับน้ำตาลให้ได้รสหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ จากนั้นนำไปแช่ในช่องแข็งพอเซตตัว นำออกมาขูดหรือปั่นให้เนื้อฟู ทำวนไป 3-4 รอบ ก็จะได้ไอศกรีมเชอร์เบทไว้กินแล้ว
ส่วนผสม
เนื้อมะม่วงสุก 500 กรัม
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มสุกพักไว้ให้เย็น 160 กรัม
น้ำเชื่อมเชอร์เบท 135 กรัม
ข้าวเหนียวมะม่วง
วิธีทำ
1. หั่นมะม่วงสุกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
2. ผสมน้ำต้มสุกกับน้ำเชื่อมเชอร์เบท คนให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เทใส่กล่องพลาสติกหรือภาชนะสเตนเลส นำเข้าช่องแช่แข็งจนแข็งตัว
5.นำออกจากช่องแช่แข็ง ขูดให้ละเอียดแล้วอัดใส่กล่อง นำเข้าช่องแช่แข็ง ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้ง จนเนื้อเนียน ตักใส่ถ้วยจัดเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนผสมน้ำเชื่อมเชอร์เบท
น้ำตาลทราย 465 กรัม
น้ำเปล่า 70 กรัม
กลูโคสไซรัป (แบะแซ) 70 กรัม
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในหม้อ คนเล็กน้อยให้เข้ากัน
2. ยกขึ้นตั้งไฟ คนบ้างเล็กน้อยกันไหม้ แต่ห้ามคนบ่อย เพราะจะทำให้น้ำเชื่อมตกทราย พอเดือดเคี่ยวต่อสักครู่ พักไว้ให้เย็นสนิท
เรื่อง : TONGTA
ภาพ : ชุลีภรณ์