ตายแล้วววววววว… ช่วงสิ้นปีนี้หัวอกติ่งจะวาย เพราะมีคอนเสิร์ตเข้ามาเยอะเหลือเกิน จะเลือกดูแค่บางคอนฯ ก็ไม่ได้ กลัวโอปป้าจะน้อยใจ ดังนั้นเราจึงจัดหนักแบบเต็มสูบ เพื่อไปดูคอนเสิร์ตกับชาวแก๊ง แต่ช่วงนี้น้ำหนักก็อัพขึ้นไม่ได้ดูเศรษฐกิจเลย คงต้องหาเวลาว่างลดน้ำหนัก ฟิตสุขภาพ และเพิ่มความสวยให้กับตัวเองซะหน่อย เพื่อไปหาโอปป้าที่รักของเรา

   สาว ๆ หลายคนคงสวยที่สุดในวันแต่งงงาน แต่สำหรับติ่งอย่างเราจะสวยที่สุดในวันคอนเสิร์ต ดังนั้นขอเริ่มจากเทคนิคการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ วันละ 30 นาทีก่อน เริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อ ข้อดีของการยืดกล้ามเนื้อก็คือ จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเรามีการยืดหยุ่นมากขึ้น ลดอาการตึงตัว ป้องกันการบาดเจ็บขณะเคลื่อนไหว เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะออกกำลังกายนั่นเอง หลังจากนั้นแนะนำให้หาท่าออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณ สำหรับติ่งขอเป็นการเดินเบาเร็ว ๆ หรือจ๊อกกิ้งเบา ๆ สัก 15 นาที บนลู่วิ่ง พร้อมกับการฟังเพลงเกาหลี เมื่อได้เหงื่อแล้วก็มาต่อด้วยการเต้น Zumba (ซุมบ้า) อีกสัก 15 นาที เท่านี้ก็หอบแฮ่กแล้วค่ะ ส่วนใครที่อยากเต้นรูปแบบอื่นแนะนำให้ลองหาใน YouTube จะบอกว่าท่าเต้นเพียบเลยจ้า

   ออกกำลังกายกันแบบสวย ๆ ไปแล้ว เรื่องอาหารก็สำคัญ เคยอ่านเจอในเว็บไซต์ของ สสส. เขาบอกว่าการเลือกกินผักก็สำคัญนะ โดยเขาแนะนำการกินผัก 5 สี เนื่องจากแต่ละสีมีประโยชน์แตกต่างกันไป รวมถึงมีรสชาติหลากหลาย ผู้เริ่มกินผักจะได้ไม่เบื่อไปซะก่อนที่จะเริ่มมีสุขภาพดี ๆ ติ่งเคยอ่านเจอในทวิตเตอร์ เขาบอกว่าให้กินผักและผลไม้วันละ 5 กำมือต่อวัน ฟังดูเหมือนจะทำยาก แต่จริง ๆ แล้วไม่ยากนะคะ แค่แบ่งสัดส่วนให้ถูก อย่างตอนเช้ากินโยเกิร์ตกับผลไม้ที่ชอบ 1 กำมือ ต่อด้วยแซนด์วิชทูน่า ใส่ผัก 1 กำมือ ส่วนมื้อเที่ยงเป็นผัดผัก 1 กำมือ กินกับข้าวสวย ตบท้ายด้วยผลไม้สด 1 กำมือ แค่ครึ่งวันเราก็กินผักได้ 4 กำมือแล้ว สำหรับมื้อเย็นก็เลือกเมนูที่ชอบ แต่แทรกผักหรือผลไม้ไปอีก 1 กำมือก็ครบแล้วค่ะ

เลือกผักที่ชอบมักดีต่อใจเสมอ

   สิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพคือ “อย่าฝืน” เพราะเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งการฝืนอาจทำให้เราตบะแตกได้ (ติ่งเคยมาแน้วววววว) ดังนั้นเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ต้องเลือกที่กินได้บ่อย ๆ ไม่เบื่อ และควรเลือกที่มีสีสันและรสชาติต่างกัน เพื่อให้การกินผักเป็นเรื่องสนุก ขอยกตัวอย่างผัก 5 สี ที่ทาง สสส. เคยพูดถึงแล้วกันเนอะ

   เริ่มจาก “สีเขียว” พบได้ทั่วไป เช่น ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักบุ้ง ผักคะน้า แตงกวา กะหล่ำปลี หรือผักจำพวกสลัด รวมถึงใบต่าง ๆ ที่ใช้ห่ออาหารเป็นคำ อาทิ ใบชะพลู และใบทองหลาง ผักสีเขียวมีประโยชน์ เพราะให้สารคลอโรฟิลล์  มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันเซลล์ถูกทำลาย 

   “สีเหลือง-ส้ม” จะมีมากในผลไม้ อาทิ มะละกอ ส้ม แคร์รอต สับปะรด รวมถึงผักอย่าง ฟักทอง มันเทศ สังเกตได้ว่าผักผลไม้สีนี้จะมีรสชาติที่หลากหลาย ดังนั้นจึงเหมาะจะนำมาเป็นผักชูรสให้กับเมนูสลัดของคุณเช่นเดียวกัน ที่สำคัญคือมากไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ และลูทีน มีส่วนช่วยบำรุงสายตา รักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 

   “สีน้ำเงิน-ม่วง” อันนี้เราจะไม่คุ้นชินเท่าไรนัก แต่ที่เห็นบ่อยแต่ไม่คิดจะกินคงเป็น ดอกอัญชัน หลายคนมองว่ามีประโยชน์แค่ทำเครื่องดื่มเท่านั้น แต่บอกตรงนี้เลยว่าถ้ากินสด ๆ กับน้ำพริกอร่อยมากเวอร์ นอกจากนั้นยังมี มะเขือม่วง ลูกหว้า  กะหล่ำปลีสีม่วง ผักผลไม้สีเข้มจะให้สารแอนโทไซยานินมาก ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง ยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหารได้ด้วย 

   “สีขาว-น้ำตาล” เช่น ถั่วเหลือง ลูกเดือย ขิง ข่า กระเทียม หัวไชเท้า งาขาว เห็นสีอ่อน ๆ แบบนี้ แต่ประโยชน์ล้นเหลืออีกเช่นกัน เนื่องจากช่วยสร้างเซลล์ให้แข็งแรง ยับยั้งการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก ต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ลดปริมาณไขมันในเลือด รักษาระบบภูมิคุ้มกัน เรียกได้ว่าสารพัดสรรพคุณกันเลยทีเดียว

   ปิดท้ายที่ “สีแดง” เช่น หอมแดง พริกหวาน พริกชี้ฟ้า มะเขือเทศ แตงโม ทับทิม ส้มโอ แอปเปิล บีตรูต สตรอว์เบอร์รี  ราสป์เบอร์รี ผักผลไม้เหล่านี้มีสารไลโคพีน อยู่ในปริมาณมาก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า และมากกว่ากลูต้าไธโอนถึง 125 เท่า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งปอด และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเยื่อบุมดลูก และมะเร็งต่อมลูกหมาก สารไลโคพีนยังช่วยให้ภาวะผิดปกติของร่างกาย ดีขึ้น เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุน  และภาวะมีบุตรยากในชายอีกด้วย

   นอกจากเราจะต้องกินผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกเนื้อสัตว์ที่ดีจะส่งผลต่อร่างกายเช่นกัน และสิ่งที่ติ่งจะเลือกกินในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น “ปลาทับทิม” นับเป็นเนื้อสัตว์ชนิดแรกที่นึกถึงเลย เนื่องจากมีราคาไม่แพงมาก สามารถทำอาหารได้หลายชนิด รสชาติหวานอร่อย โดยเฉพาะ ปลาทับทิม ซีพี ซึ่งผ่านการเลี้ยงจากฟาร์มมาตรฐาน ซีพีเอฟ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายตกค้างทุกชนิด ปลาทับทิม ซีพี ที่ได้จึง สด สะอาด ปลอดภัย มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพที่คับแน่นไปทั้งตัว ส่วนเมนูแนะนำครั้งนี้คงเป็น “สลัดปลาทับทิม” ขอเลือกใช้น้ำสลัดแบบใสสไตล์ญี่ปุ่น ให้รสเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ กินคู่กับผักสลัดหลากสีสัน ปิดท้ายด้วยปลาทับทิมหั่นลูกเต๋านำไปทอดจนกรอบ กินกันเพลิน ๆ ได้ประโยชน์ต่อร่างกายดีทีเดียว และเรามาลองดูกันว่าติ่งจะสวยทันวันคอนเสิร์ตหรือเปล่า มาเอาใจช่วยกันด้วยเน้อ

เรื่อง : พี่คะ หนูเป็นติ่ง
ภาพ : ธราดล
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.thaihealth.or.th
 
ส่วนผสมสลัดปลาทับทิมเห็ดย่าง

เนื้อปลาทับทิม ซีพี	1 ตัว
เห็ดออรินจิหั่นชิ้น	30 กรัม
เห็ดชิเมจิสีน้ำตาล	30 กรัม
เห็ดชิเมจิสีขาว	30 กรัม
โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น)	1 ช้อนโต๊ะ
สาเก (เหล้าญี่ปุ่น)	1 ช้อนโต๊ะ
มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น)	2 ช้อนชา
ซูกินีสไลซ์	10 แผ่น
ผักสลัด ผักร็อกเกต มะเขือเทศ ตามชอบ
น้ำมันมะกอกสำหรับกริลล์

ส่วนผสมน้ำสลัด

โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น)	2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา	1 ช้อนชา
น้ำผึ้ง	2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย	1 ช้อนชา
มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น)	2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว	2 ช้อนโต๊ะ
ขิงขูด	¼ ช้อนชา
น้ำมันมะกอก	2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วบด	1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ