เด็กๆ วัยกำลังเรียนเป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโต และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งภายในและภายนอก อาหารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกาย ฉะนั้นจึงควรที่ต้องเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินของลูกๆ เพื่อให้ได้รับอาหารที่เหมาะสมกับวัยและการเจริญเติบโตของร่างกาย
โดยในช่วงอายุระหว่าง 6-10 ปี ต้องการแคลอรีวันละประมาณ 1,800-2,400 แคลอรี เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วัยรุ่น
สำหรับเด็กผู้หญิงในช่วง 12 ปีไปแล้วอาจจะต้องการแคลอรีเพิ่ม 500 แคลอรี หรือมากกว่านั้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะแร่ธาตุบางชนิด เช่น
แคลเซียม จะช่วยทำให้ร่างกายและกระดูกของเขาแข็งแรง ซึ่งหากรับไม่เพียงพออาจทำให้เป็นโรคกระดูกได้ โดยเด็กวัย 9-18 ปี ต้องการแคลเซียมถึง 1,300 มิลลิกรัมต่อ 1 วัน ซึ่งแหล่งแคลเซียมที่หาได้ง่ายๆ ในอาหารดังต่อไปนี้ นมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน แต่อย่างไรก็ไม่ควรให้เด็กกินแคลเซียมมากเกินไป
ธาตุเหล็ก เป็นตัวช่วยในการผลิตเลือดและสร้างกล้ามเนื้อ ลูกอาจจะแสดงอาการฉุนเฉียว ซึมเศร้า มีอาการความดันต่ำ และอาจจะติดเชื้อโรคได้ง่ายมากถ้าธาตุเหล็กในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ ในภาวะที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กนั้นยังทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายในวัยหนุ่มสาวด้วย เมื่อถึงเวลาที่เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนนั้น พวกเธอจะต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น ธาตุเหล็กสามารถพบได้ในอาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อหมูสับและตับ ซึ่งมีธาตุเหล็กสูง นอกจากนี้ในผักโขม ถั่ว และลูกพลับแห้ง ก็มีธาตุเหล็กในปริมาณที่พอสมควรเช่นกัน
วิตามิน ลูกของคุณควรได้รับวิตามินจากการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมวิตามินที่จำเป็นสำหรับเด็กๆ มีดังนี้
- วิตามิน A ที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง ช่วยสร้างและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และช่วยในการมองเห็น วิตามิน A มีในผักที่มีสีเหลือง ตับ และผลิตภัณฑ์จากนม
- วิตามิน B ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดและช่วยเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึม อาหารที่มีวิตามิน B คือ เนื้อสัตว์ (รวมถึงในตับด้วย) สัตว์ปีก ถั่วเหลือง นม ไข่ ขนมปังคุณค่าสูงและซีเรียล
- วิตามิน C ช่วยให้การเชื่อมต่อในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและผิวหนังแข็งแรง ช่วยรักษาบาดแผลและกระดูกให้หายหรือเชื่อมเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยต้านเชื้อโรค วิตามิน C มักพบในผักและผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ส้ม มะนาว มะเขือเทศ ผักโขมและบรอกโคลี
- วิตามิน D ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยควบคุมการดูดซึมแร่ธาตุอย่างเช่น แคลเซียม อาหารที่มีวิตามิน D คือ นมเพิ่มวิตามินน้ำมันตับปลาและไข่แดง
