ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จับมือ “วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชันแนล” โดยเชฟมิชลินสตาร์ “แอนดี้ ยัง” เปิดตัว “วันเดอร์ฟู้ด” บุกธุรกิจอาหารมุ่งขยายโอกาสไปยังธุรกิจใหม่ๆ คาดสร้างผลกำไรปีละกว่า 10% ของกำไรรวมบริษัท และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 40% ใน 5 ปี
บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส จับมือ “วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชันแนล” ซึ่งก่อตั้งโดยเชฟมิชลินสตาร์ “แอนดี้ ยังเอกสกุล” ลุยธุรกิจอาหารเต็มตัวภายใต้แบรนด์ “วันเดอร์ฟู้ด” ขยายโอกาสทางธุรกิจและสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ มุ่งนำเมนูอาหารสตรีทฟู้ดไทยแบบใส่ใจสุขภาพมาเพิ่มมูลค่าให้ก้าวไกลระดับโลก เริ่มต้นจากธุรกิจร้านอาหารใจกลางเมือง 4 แบรนด์ ได้แก่ ผัดไทยไฟทะลุ, ข้าวซอย Hungry Rabbit, ร้านอาหาร Hyper Fine Dining ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวในชื่อ Table 38 และPi Kun (ปีกุน) แบรนด์ร้านอาหารอีสานฟิวชั่นแนวทาปาส พร้อมเตรียมต่อยอดสู่การเปิดแฟรนไชส์ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรส และอาหารกึ่งสำเร็จรูป และธุรกิจอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารในอนาคต คาดธุรกิจอาหารจะสามารถสร้างผลกำไรปีละกว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัทฯ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำไรขึ้นเป็น 40% ของกำไรรวมของบริษัทฯ ภายใน 5 ปี
คุณชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอด 40 ปีในการดำเนินธุรกิจ เวิลด์แก๊สไม่เคยหยุดนิ่งในการส่งมอบพลังงานสะอาดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้พลังของการคิดบวก พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการบริการ ผ่านความรู้และประสบการณ์อันยาวนาน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เรายังคงมองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ทั้งด้านสินค้า บริการ รวมถึงรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น นี่จึงเป็นที่มาให้เราต่อยอดจากธุรกิจก๊าซแอลพีจีซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราในปัจจุบัน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซแอลพีจี ขยายโอกาสมาสู่การทำธุรกิจอื่นๆ อย่างธุรกิจอาหารซึ่งเป็นการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ และกระจายความเสี่ยง ด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำอาหารและการบริหารธุรกิจอาหารของพันธมิตรทางธุรกิจของเราอย่างบริษัท วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ “เชฟแอนดี้” ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องสร้างสรรค์และบริหารงานธุรกิจอาหารหลากหลายรูปแบบที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชื่อเสียงของเชฟในการสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยจนได้ดาวมิชลินมาแล้วทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ทำให้ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ เชื่อมั่นว่าวันเดอร์ฟู้ดจะสามารถสร้างผลกำไรได้ปีละ กว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัทฯ และสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ได้ในด้วยสัดส่วนของกำไร 40% ของบริษัท ภายใน 5 ปีได้อย่างแน่นอน”
คุณนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนธุรกิจของแบรนด์ “วันเดอร์ฟู้ด” ว่า “วันเดอร์ฟู้ด มุ่งสร้างสรรค์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารแบบครบวงจร ด้วยระบบการทำงานมาตรฐานอุตสาหกรรม มีการใช้ระบบ value chain มีครัวกลางและระบบโลจิสติกส์ เพื่อรักษาคุณภาพอาหาร บริหารต้นทุน และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทฯ ได้ลงทุนเบื้องต้นประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อสร้าง 4 แบรนด์ร้านอาหารในเครือวันเดอร์ฟู้ด ได้แก่ แบรนด์ระดับมิชลินสตาร์อย่าง “Table38” ที่นำเสนอประสบการณ์สุดล้ำของเมนูสตรีทฟู้ดไทยสไตล์เชฟแอนดี้ เปิดดำเนินการที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่แล้ววันนี้ ควบคู่กับแบรนด์ร้านอาหารอีสานสไตล์ฟิวชั่นน้องใหม่ล่าสุดอย่าง “Pi Kun (ปีกุน)” นำเสนอเมนูอาหารอีสานทานง่ายในรูปแบบของทาปาสพอดีคำในสไตล์สแปนิช รวมถึงคาราวานอาหารสตรีทฟู้ด 2 แบรนด์ที่เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะ ได้แก่ “ผัดไทยไฟทะลุ” ผัดไทยรสชาติจัดจ้านทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส และ “Hungry Rabbit” ข้าวซอยเพื่อสุขภาพกับรสชาติอร่อยแบบเข้มข้น โดยจะมีการเปิดร้านแฟล็กชิพใจกลางเมืองแห่งแรกที่สยามสแควร์ในเดือนมกราคมนี้ หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดร้านผัดไทยไฟทะลุ ในเครือวันเดอร์ฟู้ดแห่งแรกที่ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ โดยวันเดอร์ฟู้ด จะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ระดับกลางขึ้นไปที่มีความสนใจและชื่นชอบในการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปรุงด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่และกรรมวิธี ที่มีคุณภาพ จากฝีมือของเชฟมิชลินสตาร์ ในราคาที่สมเหตุสมผล”
“นอกจากนี้วันเดอร์ฟู้ดยังวางแผนรองรับธุรกิจดิลิเวอรี่ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยจะมีการเปิดสาขาเพื่อรองรับธุรกิจดิลิเวอรี่โดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทฯ ยังได้เตรียมงบประมาณไว้ราว 50 ล้านบาท สำหรับแผนการต่อยอดธุรกิจไปยังธุรกิจอื่น ๆ หลังจากแบรนด์ติดตลาดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการรับจัดเลี้ยง ธุรกิจการผลิตและส่งวัตถุดิบ รวมถึงอาหารสำเร็จรูปให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น โรงแรมและสายการบิน รวมถึงการเปิดแฟรนไชส์ของธุรกิจแต่ละแบรนด์ในเครือไปยังต่างจังหวัด และต่างประเทศ ฯลฯ ” คุณนพวงศ์กล่าวเสริม
เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล หรือ “เชฟแอนดี้ ยัง” กล่าวว่า “วันเดอร์ฟู้ดคือบริษัทด้านอาหารที่เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญระหว่างบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจและเงินทุน กับบริษัท วันเดอร์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการประกอบธุรกิจในด้านอาหารทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศตั้งแต่ไฮเปอร์ ไฟน์ไดนิ่งระดับมิชลินสตาร์จนถึงสตรีทฟู้ดมาใช้ในการรังสรรค์เมนูที่แปลกใหม่ และวางระบบในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพ โดย “วันเดอร์ฟู้ด” จะเน้นนำเสนอประสบการณ์ด้านอาหารที่แปลกใหม่ในรูปแบบคาราวานอาหารที่คัดสรรเมนูสตรีทฟู้ดในเมนูที่คนไทยมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีภายใต้แบรนด์ใหญ่ของวันเดอร์ฟู้ด โดดเด่นด้วยกรรมวิธีในการคัดสรรวัตถุดิบ และกรรมวิธีในการประกอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยฝีมือของเชฟชาวไทยระดับมิชลินสตาร์ เพื่อคนไทยทุกคนว่าจะเป็นเพศ วัย หรืออาชีพไหน ก็สามารถรับประทานอาหารสะอาด ดีต่อสุขภาพ และรสชาติจัดจ้านได้อย่างเท่าเทียมกันภายใต้ปณิธาน “อาหารมาตรฐานระดับเชฟมิชลินสตาร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนไทยทุกคน”
“ซึ่งในทุกเมนูและทุกขั้นตอนการผลิตของคาราวานแบรนด์อาหารต่างๆ จากวันเดอร์ฟู้ดจะเน้นการรังสรรค์อาหารที่มีรสชาติจัดจ้านและไม่ใส่ผงชูรส รวมถึงมีการนำนวัตกรรมด้านอาหารมาใช้อย่างการใช้คลื่นเสียงในการปรุงอาหารเพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการเป็นต้น นอกจากนี้ซอสที่ใช้ในการปรุงเมนูต่างๆ ยังถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะจากวิธีการทางธรรมชาติ เพื่อให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ และดีต่อสุขภาพ โดยเราเชื่อมั่นว่า “วันเดอร์ฟู้ด” เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้คนไทยได้เห็นคุณค่าของวัตถุดิบและความเป็นไทย พร้อมทั้งทำให้อาหารสตรีทฟู้ดของไทยเป็นที่รู้จักในฐานะแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาลิ้มลอง กระตุ้นธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนในอนาคตหากสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศกลับมาเป็นปกติ”
เชฟแอนดี้กล่าวสรุป