ร้านที่เกิดจากความรักในอาหารสเปน “Bodegas Wine” ร้านอาหารสแปนิช ย่านราชพฤกษ์ รังสรรค์เมนูสุดพิเศษ ในงานเปิดตัวไวน์ Discolo อย่างเป็นทางการ โดดเด่นด้วยวัตถุดิบส่งตรงจากสเปน

0    17    0    2 ธ.ค. 2567 15:19 น.   
แบ่งปัน
เรียกว่าเป็นร้านอาหารสแปนิชอันดับหนึ่งในย่านราชพฤกษ์จริงๆ สำหรับ “Bodegas Wine” (โบเดกาส ไวน์) ที่การันตีโดยมิชลินไกด์ 3 ปีซ้อน ในปี 2021 – 2023 รางวัล Thailand's Favourite Restaurants 2024 และรางวัล Restaurants from Spain certification 2024 จากกระทรวงพาณิชย์ โดย ICEX Spain Export and Investment และในปีนี้ โบเดกาส ไวน์ ได้ปรับรูปโฉมและคอนเซปต์ใหม่ทั้งร้าน พร้อมกับจัดงาน เปิดตัวไวน์ Discolo อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ และเป็นการแนะนำเมนูพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ในฤดูกาลนี้ พร้อมชูวัตถุดิบส่งตรงจากสเปน และเราเพิ่มการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นของประเทศไทยมาผสมผสานเพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและลดผลกระทบของมลพิษจากการขนส่งวัตถุดิบ พร้อมใช้วัตถุดิบทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบบ Zero Waste เพื่อตอกย้ำ คอนเซ็ปต์ในการบริหารร้านที่ต้องการให้เป็น Sustainability Restaurant อย่างแท้จริง  

คุณจันทร์เพ็ญ เจียมสมัย หรือ คุณเล็ก ผู้ก่อตั้ง Bodegas Wine ฉายภาพย้อนไปให้ฟังว่า เดิมทีคุณเล็กทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน และนำเข้าเครื่องจักรจากปรเทศสเปน กว่า 20 ปี ทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปยังสเปนอยู่บ่อยๆ จากการเดินทางบ่อยๆ ทำให้หลงรักและหลงใหลในอาหารสเปน ทำให้คุณเล็กคุ้นชินและชื่นชอบอาหารสเปนมากขึ้น แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่ประเทศไทยหาร้านอาหารและไวน์สเปนรสชาติแบบต้นตำหรับทานยาก จึงเริ่มนำเขาวัตถุดิบ อาหาร และไวน์จากสเปน หลังจากนั้นจึงริเริ่มมีความคิดอยากที่จะทำร้านอาหารสเปน ที่สามารถทำเมนูที่คุณเล็กอยากกิน จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำร้าน โบเดกาส ไวน์ ขึ้น โดยวัตถุดิบที่นำเข้ามาเอง ส่งตรงมาจากสเปน คุณเล็กเชื่อว่า รสชาติของอาหารที่ดีเริ่มต้นจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการรังสรรความอร่อยให้กับทุกเมนู ด้วยเหตุนี้ ทุกจานที่เสิร์ฟให้กับลูกค้าจึงไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมอบความรู้สึกเหมือนได้ทานอาหารจากคนในครอบครัว ที่ใส่ใจและทำด้วยความรัก

คอนเซ็ปต์ของ Bodegas Wine คือ อยากนำอาหารจากหลากหลายเมืองของสเปน ให้เข้าใจง่ายและถูกปากคนไทย จึงนำเสนออาหารสเปนในรูปแบบเมนูฟิวชั่น บรรยากาศภายในร้านเน้นการตกแต่งให้มีความ Classy และเรียบหรูเมื่อก้าวเข้ามาในร้าน ชั้น 1 จัดเป็นโซนที่นั่งสบาย ๆ  ใช้โทนสี Etoupe ให้มีกลิ่นอายของไวน์บาร์บรรยากาศชิลล์ ๆ และมีโซนห้องเก็บไวน์นานาชนิดที่ทางร้านคัดสรรมาจากทุกเมืองของสเปนเพื่อมอบประสบการณ์การดื่มด่ำรสชาติอาหารคู่กับไวน์ได้ดีที่สุด ส่วนชั้น 2 ตกแต่งในสไตล์ลักซ์ชูรีใช้โทนสี Earth Tone เพิ่มความเรียบหรู ผสานกับสีขาวที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ตัดด้วยสีดำและทองเพื่อเติมเสน่ห์อันโดดเด่นและความ Classy ที่ลงตัว ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติก และ Luxury นั่งทานได้อย่างได้เป็นกันเอง 

นอกจากนั้น เมนูที่ทาง โบเดกาส ไวน์ คัดสรรมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในงานเปิดตัวไวน์ Discolo อย่างเป็นทางการนี้ เรียกว่าเป็นเมนูที่ไม่ใช่เพียงใช้วัตถุดิบพรีเมียมจากสเปนเท่านั้น แต่ยังครีเอทให้แต่ละจานมีเรื่องราวอีกด้วย อาทิ 
  • Txangurro Fusion (เนื้อปูม้าและมันปูผัดกับซอสสูตรพิเศษของเชฟ) เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากเมนูปูอบไสตล์บาสก์ ซึ่งปกติทำจากเนื้อปูสไปเดอร์ โดยทางร้านนำทำเป็นเมนูฟิวชันโดยใช้เนื้อปูม้าสดใหม่จากเกาะลันตา เป็นการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบ เนื้อปูม้า ไข่ปู และมันปู ผัดกับซอส หอมใหญ่ เซเลอรี่ แครอท มะเขือเทศจนเข้มข้น เพิ่มเท็กซ์เจอร์ความกรอบด้วยเกร็ดขนมปังไข่เค็ม มายองเนสปู และพูเล่พริกหวาน เสริมให้จานเป็นสตาร์ทเตอร์ที่เปิดรสชาติพร้อมรับเมนูอื่นๆ ต่อ 
  • ตามมาด้วยพาสต้าจานอร่อย Seasonal Fish & Scallop Khao Soi (ข้าวซอยปลาและหอยเชลล์) เมนูนี้มีการนำเครื่องเคียงมาแยกองค์ประกอบให้ดูแปลกใหม่ขึ้นเพิ่มมิติและรสชาติใหม่ ด้วยเลม่อนเจลลี่ หอมแดงดอง และเปลี่ยนจากเส้นหมี่กรอบเป็นหอมทอดกรอบ ตัวซอสปรุงด้วยหัวกระทิ กระดูกปลา และเครื่องแกงข้าวซอย ใช้วิธีการปรุงแบบเวสเทิร์น และใช้วิธีการดองผักกาดเขียวแบบดั้งเดิม แต่เพิ่มแร่ธาตุด้วยน้ำแร่ Font dor ในการทำทำให้ผักกรอบและมีรสชาติดี
  • ในส่วนของ Main Dish มีทั้ง Chicken Earth (ขาไก่ซอสต้นกระเทียมและซอสทรัฟเฟิล) เป็นเมนูที่มีส่วนผสมหลักเป็นไก่ท้องถิ่นจากฟาร์มที่โคราช ที่เลี้ยงแบบ Free Range โดยไม่ใช้สารเคมีและให้อาหารออร์แกนิก โดยเชฟนำไก่มา Dry Age นาน 5 วัน เพื่อให้ได้เนื้อที่นุ่ม ก่อนนำมาซูวีและทอดจนกรอบนอกนุ่มใน โดยมีการสอดไส้ด้วยแอปริคอตเพื่อเพิ่มรสชาติ เสิร์ฟพร้อม Leek Foam และ ซอสทรัฟเฟิล เพื่อความอร่อยที่ลงตัว
  • และ Main Dish อีกเมนู ได้แก่ Collar Spice (สันคอหมูดำ Iberico เครื่องเทศ และซอสสูตรพิเศษ) จะใช้หมูดำ Iberico ส่วน Collar หรือว่าสันคอที่มีไขมันแทรก นำไป Sousvide ที่อุณหภูมิ 75 องศา กับ ปรุงด้วยชอสเข้มข้นในรูปแบบของสไตล์ Bodegas เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ทำให้มีกบิ่นหอมของเครื่องเทศสไตล์เอเชีย ทานู่กับ Vegetable Terrine และ Jamon ball ที่ยัดไส้ด้วย Bacon Jam จึงทำให้รสชาติของจานนี้กลมกล่อมและลงตัวด้วยความเปรียวหวานของหอมแดง และA Jad Jelly
ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มีโอกาสมาเยือน ได้แก่ Jamon Iberico หรือที่เรียกกันว่า Iberico Ham เป็นแฮมที่มีคุณภาพดีจนขึ้นแท่นเป็นแฮมที่ดีที่สุดและราคาแพงที่สุดของโลกอีกด้วย ความพิเศษและรสชาติที่ไม่เหมือนใครนี้ ต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี ในการเลี้ยงดูด้วยวิถีธธรรมชาติ มีพื้นที่ให้วิ่งเล่นแบบอารมณ์ดี และกินอาหารเฉพาะผลเอคอร์น (Acorn) ที่ตกลงมาจากต้นเท่านั้น ซึ่งลูกโอ๊กนี้เองที่ทำให้ Iberico มีรสหวานนุ่มและมีกลิ่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และอีก 2 เมนูที่ได้รับการบรรจุในมิชลินไกด์ คือ Paella de Gambas ที่ทางร้านนำข้าวไปหุงบนกะทะ กับน้ำสต้อก Lobster มีวัตถุดิบหลักได้แก่ กุ้งแดงอาร์เจนติน่า, Cuttle fish, Blue Mussel หยดด้วยซอสสีขาว Galic-Mayo, ซอสสีแดงเป็น Red Bell Pepper Puree รับรองว่าถ้าได้ลองต้องอยากซ้ำอย่างแน่นอน, อีกเมนูที่บรรจุในมิชลินไกด์ Iberico Wellington ใช้เป็นหมูดำ Iberico ส่วน Tendeloin เป็นส่วนที่ไม่มีไขมัน แต่นุ่มละมุน มี Mushroom Duxelles โดยนำเห็ดไปผัดกับไวน์ขาวจนแห้ง ในส่วนชั้นถัดมาจะมีส่วนผสมของ Cold Cut Jam ช่วยตัดกับรสชาติ และเพิ่มมิติรสชาติให้กับ Wellington มากขึ้น ในส่วนของชั้นถัดมาจะเป็น Spinach Crepe ด้านนอกจะห่อด้วยแป้ง Puff Pastry หรือว่าแป้งพายนั้นเอง ทานคู่กับซอส Trufle Pork Jus
 
ส่วนไวน์ในวันนี้เป็นไวน์จากโรงไวน์ DISCOLO โรงไวน์ที่คุณเล็กได้จับมือกับพันธมิตรชาวสเปน ผู้คร่ำหวอดในวงการไวน์ตระกูล Somoza de la Peña, Sánchez Maillo, Sánchez Monje ที่ตั้งอยู่ ณ เมือง El Pego จังหวัด Zamora ในภูมิภาค Toro ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์แดงที่ดีที่สุดของสเปน อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญในวงการไวน์และคว้ารางวัลระดับโลกมาได้หลายรางวัล ล่าสุดได้รับเหรียญทองดีแคนเตอร์ปี 2024 นอกจากนี้ ยังเป็นไวน์ออร์แกนิก เก็บเกี่ยวด้วยมือ ไม่ใช้สารเคมีที่ทำร้ายระบบนิเวศน์ด้วย โดยแบรนด์ DISCOLO ประกอบด้วย 4 ฉลากด้วยกัน อาทิ 

1) DISCOLO Blanco ไวน์ขาวฉลากเดียวของโรงไวน์ จะคัดเลือกองุ่นอายุมากกว่า 50 ปี จากพันธุ์องุ่นขาวที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง Malvasia และ Verdejo นำมาบ่มในถังสแตนเลส และถังเฟรนช์โอ๊คและถังสแตนเลส นาน 12 เดือน สามารถดื่มได้ในอุณหภูมิไวน์แดง (16 C˚ - 18 C˚) และสามารถทานคู่กับเนื้อแดงได้     
2) DISCOLO Cinco de Copas โดยคัดเลือกองุ่นอายุมากกว่า 40 ปี ไวน์แดงตัวเริ่มต้นของโรงไวน์ ให้กลิ่นผลไม้สีแดง อาทิเช่น Cherry, Raspberry และกลิ่น Sweet Spices เช่น Cinnamon ,Vanilla  หมักบ่มในถังอเมริกันและเฟรนช์โอ๊คนาน 6 เดือน  สามารถดื่มได้ในอุณหภูมิไวน์แดง (16 C˚ - 18 C˚) และเหมาะกับการทานคู่กับเนื้อแดง  
3) DISCOLO โดยคัดเลือกองุ่นอายุมากกว่า 90 ปี ไวน์จะถูกบ่มในถังบ่ม 22 เดือน ในถังอเมริกันและเฟรนช์โอ๊ค ให้กลิ่นผลไม้สีแดง อาทิเช่น Cherry, Raspberry และกลิ่น Sweet Spices เช่น Cinnamon ,Vanilla และให้ความ Complexity กว่า DISCOLO Cinco de Copas เหมาะกับการทานคู่กับเนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์ป่าแถบยุโรป และได้รางวัล
  • MUNDUS VINI 2021: Gold Medal
  • International Wine Challenge 2022 : Commended
  • MUNDUS VINI 2022 : Gold Medal
  • Gold Medal Concours Mondial de Bruxelles 2024
4) DISCOLO El Magnifico ไวน์ตัวท็อปของโรงไวน์ คัดเลือกองุ่นอายุ 100 - 150 ปีขึ้นไป ถูกบ่มในถังบ่ม 40 เดือน ในถังซีเล็คเต็ด นิว เฟรนช์ โอ๊คที่เนื้อไม้มีความละเอียดพิเศษ และใช้ต้นองุ่นเดิมที่ไม่โดน Phylloxera แบบในฝรั่งเศส ใช้แนวคิดในการออกแบบให้เป็น "Luxury Organic Wine" ได้รับการยอมรับ และยกย่องจากหลายรายการในยุโรป และชนะการแข่งขันไวน์ชั้นนำจากประเทศอื่นๆ และได้รางวัล
  • Concours Mondial de Bruxelles 2021 : Gold Medal
  • Concours Mondial de Bruxelles 2022 : Grand Gold Medal
  • International Organic wine Contest 2024 Eco vino Grand Oro 2024
  • MUNDUS VINI Spring Tasting 2024 : Best of Show Toro
  • Gold Medal 96 points Decanter World Wine Awards 2024
  • Concours Mondial de Bruxelles 2024 : Gold Medal
Bodegas Wine ยังคงคอนเซ็ปต์ในการบริหารร้านที่ต้องการให้เป็น Sustainability Restaurant ให้มากที่สุด โดยเน้นย้ำในเรื่องใช้วัตถุดิบทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบบ Zero Waste รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดที่นำระบบ Energy Management มาใช้จัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเดินหน้าสู่ร้านอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รายละเอียดเพิ่มเติมในการสำรองที่นั่ง ได้ที่ 061-407-8222 หรือติดตามอัพเดตข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/bodegaswine
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
‘โฆษณาที่คุ้มที่สุด’ จากแบรนด์ห้าดาว กวาด 5 รางวัลบนเวที AdPeople Awards 2024 ตอกย้ำจุดยืนความสร้างสรรค์อย่างคุ้มค่า สำนักพิมพ์แม่บ้าน
‘โฆษณาที่คุ้มที่สุด’ จากแบรนด์ห้าดาว กวาด 5 รางวัลบนเวที AdPeople Awards 2024 ตอกย้ำจุดยืนความสร้างสรรค์อย่างคุ้มค่า
ห้าดาว (Five Star) ผู้นำแบรนด์ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหาร ผู้สร้างความอร่อยแก่คนไทยมากว่า 40 ปี สร้างความประทับใจในวงการโฆษณาอีกครั้ง ด้วยการคว้า 5 รางวัลใหญ่ บนเวที AdPeople Awards & Symposium 2024 ซึ่งจัดโดย สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) โดยมี นายอังคาร เหลืองนิมิตรมาศ รองผู้อำนวยการสำนักการตลาด บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบ ด้วยผลงานโฆษณาที่สะท้อนถึงความสร้างสรรค์และจุดยืนด้านความคุ้มค่าอันเป็นสิ่งที่แบรนด์ห้าดาวคำนึงถึงมาโดยตลอด รวมถึงการถ่ายทอดหนังโฆษณาที่มีหลากหลายอารมณ์ สร้างตื่นเต้นครองใจผู้ชมอย่างล้มหลาม