“เอ็นไอเอ - กทม.” จับมือเอกชนพลิกโฉมพื้นที่อารีย์สู่ “ห้องทดลองของกรุงเทพฯ – ย่านนวัตกรรมฉลาดรู้” ดึงเครือข่ายและ 4 สินทรัพย์ไฮไลต์ปั้นทำเลใหม่แห่ง “อารีเทค” แจ้งเกิดนวัตกรรมใหม่และการลงทุนจากโกลบอล

0    350    0    2 ต.ค. 2566 14:44 น.   
แบ่งปัน

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เดินหน้าพัฒนาย่านนวัตกรรมอารีย์ด้วยการนำเทคโนโลยีเชิงลึกด้านอารีเทค (ARITech) ได้แก่ AI , Robotics , Immersive และ IoTs หนุนการเติบโตและผลักดันย่านสู่เมืองฉลาดรู้ ชี้ 4 ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งเชื่อมโยงเพื่อให้ย่านเกิดความก้าวหน้ามากขึ้น ได้แก่ สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ สินทรัพย์ทางกายภาพ สินทรัพย์ทางเครือข่าย และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะยกระดับให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่เพื่อรองรับธุรกิจนวัตกรรม การลงทุนจากภาครัฐ – เอกชน กลุ่มธุรกิจเทคจากต่างประเทศ และนำร่องให้ย่านอารีย์ได้เป็นพื้นที่ทดสอบทดลองนวัตกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทั้งนี้ ได้มีการจัดกิจกรรมประกวดออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาย่านอารีย์ให้น่าอยู่ หรือ ARID Hackathon 2023: Innovation for well-being ซึ่งรางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม PARK :D ที่นำเสนอไอเดียด้านการเชื่อมต่อการสัญจร ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มเปิดพื้นที่ให้เกิดการใช้ที่จอดรถในรูปแบบ “Parking Lot - Sharing” โดยจะนำโครงการดังกล่าวมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมต้นแบบ เพื่อทดสอบทดลองในพื้นที่ย่านอารีย์ในอนาคต

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม. และ NIA มีเป้าหมายที่จะร่วมกันออกแบบนโยบายและดำเนินงานสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ซึ่งองค์ประกอบสำคัญคือการมีนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาหรือแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ หรือยกระดับสิ่งที่มีความโดดเด่นอยู่แล้วให้มีมูลค่าและเอื้อต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น ทั้งนี้ ย่านอารีย์ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาตร์ที่ปัจจุบันถูกยกระดับให้เป็น “ย่านนวัตกรรม” จุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่การอยู่อาศัยที่ดีขึ้น บริการสาธารณะที่สะดวกสบาย ศูนย์กลางความทันสมัย การออกแบบเมืองให้เอื้อต่อการจัดตั้งธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน และยังสามารถใช้โอกาสสำคัญจากการเคยถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในย่านที่ดีที่สุดในโลกต่อยอดให้เป็นย่านนวัตกรรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทยในระดับนานาชาติ และเกิดการใช้นวัตกรรมได้ครอบคลุมทุกมิติ  

“กรุงเทพฯ นอกจากมีภาพลักษณ์การเป็นเมืองท่องเที่ยวและอยู่อาศัยแล้ว บริบทสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นเมืองที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพและนวัตกรรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งในปีนี้มีการขยับอันดับอย่างก้าวกระโดด สะท้อนความโดดเด่นปัจจัยความเป็นเมืองนวัตกรรมหลากหลายด้าน และการเติบโตที่สูงขึ้นนี้มีย่านนวัตกรรมและความโดดเด่นของพื้นที่เป็นตัวขับเคลื่อน แต่อย่างไรก็ตามในอีกหลายเมืองก็ยังคงต้องการนวัตกรรมเข้ามาช่วยเติมเต็ม ซึ่ง กทม.จะเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านกฎระเบียบ และเชื่อมโยงให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะนำนวัตกรรมมาใช้ ครอบคลุมถึงการร่วมปั้นย่านนวัตกรรม โดยยึดผลลัพธ์ในด้านคน เมือง เศรษฐกิจ และโอกาสใหม่เข้าไว้ด้วยกัน”

นายชาญวิทย์ รัตนราศรี ผู้อำนวยการฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า NIA มีแนวทางกระจายและพัฒนาระบบนวัตกรรมเชิงพื้นที่โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ภูมิภาค เมือง และย่าน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 มิติ ได้แก่ การส่งเสริมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการรังสรรค์ระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Infrastructure) การพัฒนาเมืองในบริบทของพื้นที่นวัตกรรมและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน (City Innovation & Innovative City) และการเชื่อมโยงความร่วมมือการพัฒนาระหว่างหน่วยงานหรือกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องในมิติสำคัญ (Bridging & Integration) อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมเทคโนโลยีเชิงลึกหรือดีพเทคให้ไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยหนึ่งในพื้นที่ที่สำคัญคือย่านนวัตกรรมอารีย์ (ARID: ARI Innovation District) บนพื้นที่เขตพญาไท ซึ่งเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่มีความโดดเด่นและรองรับทั้งการอยู่อาศัย การจัดตั้งธุรกิจ รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน และ Pain Point ต่าง ๆ ที่จะบ่มเพาะเทคโนโลยีใหม่ให้เกิดขึ้นบนย่านนี้

“NIA ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนในย่านนวัตกรรมอารีย์ มุ่งนำจุดแข็งด้าน ARITech เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาย่านและส่งเสริมการสร้างสตาร์ทอัพในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการสาธารณะอย่างทั่วถึง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยพบว่าย่านนวัตกรรมอารีย์มี 4 องค์ประกอบสำคัญที่หากเชื่อมโยงกันแล้วจะทำให้ย่านเกิดความก้าวหน้าที่มากขึ้นทั้ง 1) สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ จากการเป็นที่ตั้งของบริษัท หน่วยวิจัย และสตาร์ทอัพ ARITech ที่กระจายตัวอยู่ภายในย่าน ครอบคลุมบริษัทชั้นนำระดับนานาชาติ เช่น IBM, ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น, เอไอเอส 2) สินทรัพย์ทางกายภาพ จากความเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง มีการเข้าถึงด้วยระบบขนส่งมวลชนที่มีความสะดวก และการใช้งานพื้นที่แบบผสมผสาน (Mixed use) 3) สินทรัพย์ทางเครือข่าย จากการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มองค์กรทางสังคม ที่มีความสนใจในการร่วมพัฒนาย่าน และ 4) สินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีลักษณะเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งฐานข้อมูลและการจัดการระบบเครือข่ายที่มีผู้ให้บริการในพื้นที่อย่างแพร่หลาย”

นายชาญวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2566 นี้ NIA กทม. และหน่วยงานเครือข่ายมุ่งเป้าพัฒนาย่านนวัตกรรมอารีย์ให้ได้รับการยอมรับในฐานะ “เมืองฉลาดรู้ (Cognitive City)” และจะเร่งการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีเชิงลึกเพื่อช่วยเพิ่มความโดดเด่นและยกระดับให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่พร้อมรองรับธุรกิจนวัตกรรม การลงทุนจากภาครัฐ – เอกชนกลุ่มธุรกิจเทคจากต่างประเทศ ฯลฯ  นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศนวัตกรรม ด้วยการนำร่องเปิดพื้นที่ย่านอารีย์ให้เป็นพื้นที่ทดสอบทดลองนวัตกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงการแก้ไขปัญหาของเมือง การเพิ่มมูลค่าทางกายภาพที่มีอยู่ภายในย่าน และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหรือกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น NIA จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมประกวดออกแบบสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาย่านอารีย์ให้น่าอยู่ (ARID Hackathon 2023: Innovation for well-being) เพื่อส่งเสริมการสร้างและพัฒนาพื้นที่ทดลองนวัตกรรมใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเชื่อมต่อการสัญจร และด้านความปลอดภัย โดยมีทีมที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 5 ทีม จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด 36 ทีม มาร่วมกิจกรรมปรึกษาเมนเทอร์ และนำเสนอผลงาน ซึ่งรางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม PARK :D ที่นำเสนอไอเดียด้านการเชื่อมต่อการสัญจรพัฒนาแพลตฟอร์มเปิดพื้นที่ให้เกิดการใช้ที่จอดรถในรูปแบบ “Parking Lot - Sharing” โดยจะนำโครงการดังกล่าวมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมต้นแบบเพื่อทดสอบทดลองในพื้นที่ย่านอารีย์ต่อไป

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามและเข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://ari.district.earth หรือที่ https://www.facebook.com/ARI.Innovation.District
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
“ปิ้งจุ่ม มีอยู่จริง บาร์บีคิวพาแซ่บ!” ยกเครื่องความอร่อยสไตล์อีสาน  ปิ้งก็หอม จุ่มก็นัว ในกระทะเดียวแบบที่บ่เคยมีมาก่อน สำนักพิมพ์แม่บ้าน
“ปิ้งจุ่ม มีอยู่จริง บาร์บีคิวพาแซ่บ!” ยกเครื่องความอร่อยสไตล์อีสาน ปิ้งก็หอม จุ่มก็นัว ในกระทะเดียวแบบที่บ่เคยมีมาก่อน
แซ่บหลายแท้น้อ! แบบบ่ซ้ำใคร! เมื่อ บาร์บีคิวพลาซ่า ตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง ขอพาแซ่บแบบล้ำ ๆ กับเมนูใหม่ที่ได้ยินแล้วต้องร้องว่า ของมันต้องลอง! ยกอีสานมาไว้ในกระทะกับเมนูใหม่ “ปิ้งจุ่ม มีอยู่จริง บาร์บีคิวพาแซ่บ!” ที่ผสานความนัวของจิ้มจุ่มกับความหอมกรุ่นของปิ้งย่างในแบบที่บ่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน เปิดประสบการณ์ความอร่อยม่วน ๆ กับสองสไตล์ในกระทะเดียว ปิ้งก็ได้ จุ่มก็ดี ม่วนซื่นลิ้น แซ่บซู้ดใจ เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องสมุนไพรหอมละมุน คล่องคอสุด ๆ และที่เด็ดที่สุดคือ น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้าน เติมได้บ่ยั้ง!
แคมเปญ "Drink More Water" ของ เพอร์นอต ริคาร์ด เติมความสดชื่นให้กรุงเทพฯ ต้อนรับสงกรานต์ 2568 สำนักพิมพ์แม่บ้าน
แคมเปญ "Drink More Water" ของ เพอร์นอต ริคาร์ด เติมความสดชื่นให้กรุงเทพฯ ต้อนรับสงกรานต์ 2568
ในขณะที่ประเทศไทยเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างคึกคัก เพอร์นอต ริคาร์ด (Pernod Ricard) บริษัทไวน์และสุราชั้นนำของโลก เตรียมนำแคมเปญ “Drink More Water” กลับมาสู่กรุงเทพฯ เป็นปีที่สองติดต่อกัน เพื่อส่งเสริมการดื่มอย่างรับผิดชอบในช่วงเทศกาล ด้วยการคาดการณ์ว่าคลื่นความร้อนจะกลับมาอีกครั้งในปีนี้ แคมเปญนี้จึงมุ่งส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบ โดยสนับสนุนให้ดื่มแต่พอดี ลดการดื่มหนักเกินไป และเตรียมรับมือกับผลกระทบจากภาวะขาดน้ำในช่วงฤดูร้อนสุดขีดของไทย
รับสงกรานต์  กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ กูร์เมต์ อีทส์  จัดงาน “คัดไทย 2568  Only Thailand's Best & Beyond”  พาสัมผัสอัตลักษณ์ไทยทุกมิติ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
รับสงกรานต์ กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ กูร์เมต์ อีทส์ จัดงาน “คัดไทย 2568 Only Thailand's Best & Beyond” พาสัมผัสอัตลักษณ์ไทยทุกมิติ
กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส และ กูร์เมต์ อีทส์ ศูนย์รวมความอร่อยตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป จัดงาน “คัดไทย 2568 : Only Thailand's Best & Beyond” คัดไทย ไทยไทยใครก็ปลื้ม ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ พบสุดยอดอาหาร-วัตถุดิบ แหล่งกำเนิดสินค้าคุณภาพ และสินค้าชุมชน และการแสดงสุดสร้างสรรค์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมยกระดับสู่นานาชาติ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 20 เมษายน 2568 ที่ เอ็ม ดิสทริค (เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม และเอ็มสเฟียร์)