The 1 ชี้ช่องตลาด Prestige Beauty เติบโตสูงยุคหลังโควิด จากการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น-น้ำหอมมาแรง แนะเข้าใจ 4 กลุ่มพฤติกรรม Beauty Lovers สู่ Personalized Marketing กลยุทธ์กุมหัวใจผู้บริโภค

1    884    9    26 ต.ค. 2564 16:42 น.   
แบ่งปัน

The 1 ชี้ช่องตลาด Prestige Beauty เติบโตสูงยุคหลังโควิด จากการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น-น้ำหอมมาแรง แนะเข้าใจ 4 กลุ่มพฤติกรรม Beauty Lovers สู่ Personalized Marketing กลยุทธ์กุมหัวใจผู้บริโภค

   The 1 ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ตอกย้ำผู้นำวงการ DataTech ผสานเทคโนโลยีเพื่อความเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง เผยข้อมูลจาก The 1 Insight ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามระดับเพรสทีจ (Prestige Beauty) วิเคราะห์เจาะแนวโน้มการใช้จ่ายพร้อมชี้ช่องทางเติบโตทางการตลาดของสินค้ากลุ่ม Prestige Beauty หลังโควิด-19 ยัน 4 เทรนด์หลัก สกินแคร์เติบโต-น้ำหอมขายดีเกินคาดการณ์-ใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น-ยอดขายออนไลน์โตทะยาน แนะธุรกิจเข้าใจอินไซต์  4 กลุ่มพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม Prestige Beauty ผลักดันกลยุทธ์ Personalized Marketing เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างตรงใจและรู้ใจอย่างแท้จริง

นางสาวหรรษา วงศ์สิริพิทักษ์ Head of Marketing – The 1 กล่าว “นอกจากบทบาทในฐานะ Your Everyday Lifestyle App ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ให้กับสมาชิก The 1 แล้ว The 1 ยังมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงแบรนด์สู่ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดตรงใจ โดยผสานความเชี่ยวชาญด้าน DataTech เข้ากับ Personalized Marketing ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเกิดวิกฤตโควิด 19 ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน The 1 Insight จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้แบรนด์รู้ทันไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างตรงจุด ซึ่ง Prestige Beauty ถือเป็นหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญและแบรนด์ไม่อาจมองข้าม”

ล่าสุด The 1 Insight นำเสนอเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโควิด-19 ต่อกลุ่มสินค้าประเภท Beauty ซึ่งมีปัจจัยเปลี่ยนแปลงหลักอยู่ที่การถูกจำกัดและลดการเดินทางพบปะผู้คนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เริ่มด้วย 4 เทรนด์พฤติกรรมหลัก ได้แก่ ใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์มากขึ้นและแต่งหน้าน้อยลง ซึ่งเกิดจากการที่ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้นและใส่หน้ากากอนามัยเสมอเมื่อออกนอกบ้าน ยืนยันด้วยตัวเลขยอดขายสกินแคร์ที่เติบโตถึง 11% ในขณะที่ยอดขายในกลุ่มเมกอัพตกลง 17% พร้อมแนะอีกหนึ่งโอกาสที่หลายคนอาจมองข้ามคือ ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำหอมที่เติบโตสวนทางตลาดอย่างมีนัยยะสำคัญและขัดกับความเข้าใจด้านพฤติกรรมโดยทั่วไป คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เมื่อต้องออกนอกบ้านและพบปะผู้คน เพราะในยุคโควิดหลังปี 2019 เป็นต้นมา ยอดขายน้ำหอมกลับโตถึง 12%   โดยเหตุผลส่วนหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า น้ำหอมได้กลายเป็น Affordable Luxury ที่ช่วยบำบัดจิตใจให้กับผู้บริโภคในช่วงสภาวะนี้นั่นเอง

The 1 Insight ยังพบว่า ยอดการใช้จ่ายต่อบุคคลในกลุ่ม Prestige Beauty เพิ่มขึ้น +5% สวนทางกับเศรษฐกิจภาพรวม สืบเนื่องจากการที่ไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้ทำให้ให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น เป็นโอกาสที่ช่วยสร้างยอดขายในประเทศให้กับแบรนด์สินค้า Beauty ต่างๆ ในส่วนของการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 122% โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลรายบุคคลแล้ว พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้จ่ายในช่องทางออนไลน์ ยังคงซื้อผลิตภัณฑ์เดิมที่เคยซื้อจากทางหน้าร้าน โดยพฤติกรรมการเปลี่ยนช่องทางการซื้อสินค้า Beauty นั้น สอดคล้องกับข้อมูลที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ เห็นพ้องต้องกันว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวและยั่งยืน (Sustainable Growth) ดังนั้นกลยุทธ์แบบ Omni-Channel จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญในการเตรียมพร้อมและลงทุนในแง่เทคโนโลยีอย่างยิ่งเพื่อให้ไม่เสียโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น E-Commerce Application และ Website, Social Commerce รวมถึง New Sales Channels อย่าง Chat & Shop, Call & Shop และ Personal Shopper

สำหรับการเข้าถึงผู้บริโภคในยุค New Normal อย่างแท้จริง นอกจากความเข้าใจเทรนด์ภาพรวมแล้ว การเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้งทำให้แบรนด์สามารถมองเห็นโอกาสได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน The 1 Insight ได้ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกและนำเสนอการแบ่งกลุ่มพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม Prestige Beauty เป็น 4 กลุ่มสำคัญ ได้แก่ 1) Ritualist กลุ่มผู้มีกำลังซื้อและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สูง 2)  Trialist กลุ่มคนรักผลิตภัณฑ์ความงามที่ชอบลองแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสมอ 3)  Skin Concern กลุ่มคนรักสกินแคร์ที่เน้นการดูแลผิวพรรณอย่างจริงจังมากกว่าการแต่งเติม ชอบหาข้อมูลส่วนผสมและใช้ในการเลือกลองสกินแคร์อย่างหลากหลายตามความต้องการของผิว และ 4)  Cover-Up กลุ่มคนที่ชอบและสนุกสนานกับการแต่งหน้า แต่งเติมเสริมความงามด้วยเครื่องสำอางและอุปกรณ์รูปแบบต่างๆ โดยอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมากนัก
การเข้าใจและสามารถระบุได้ว่าลูกค้าของแบรนด์อยู่ในกลุ่มใด ส่งผลดีอย่างยิ่งต่อการทำการตลาดแบบPersonalized Marketing เพราะจะทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงในระดับแต่ละบุคคลและเลือกวิธีในการปฏิบัติต่อลูกค้าแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่มได้ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น อาทิ หากลูกค้าของแบรนด์อยู่ในกลุ่ม Ritualist  แบรนด์ควรที่จะให้ความสำคัญในการรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ ด้วยการจัดกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟที่ช่วยรักษาความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว พร้อมคอยแนะนำผลิตภัณฑ์กลุ่มใกล้เคียงกับที่ลูกค้าเคยใช้อยู่แล้วให้อยู่เสมอ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (Extended & New product line) สำหรับกลุ่ม Trialist ที่ชอบลองสินค้าตามกระแส แบรนด์ควรที่จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้าง visibility ให้สินค้าได้ปรากฏในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นสื่อ, เพจหรืออินฟลูเอนเซอร์ พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นเพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ในทันที ส่วนกลุ่ม Skin Concern แบรนด์ควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โดยผู้บริโภคไม่ต้องร้องขอ ตั้งแต่วิธีการผลิต แหล่งที่มาของส่วนผสม ไปจนถึงผลการวิจัยต่างๆ เพื่อสร้างกรอบอ้างอิง (frame of reference) และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด สุดท้ายสำหรับ Cover-Up กลุ่มคนรักการแต่งหน้าโดยพื้นฐานมักจะไม่ขาดการช้อปผลิตภัณฑ์เมกอัพที่ออกมาใหม่อยู่เสมอ แต่หากแบรนด์ต้องการสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอีก แบรนด์สามารถเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สกินแคร์ที่เกี่ยวข้องและช่วยเสริมประสิทธิภาพของการแต่งหน้า พร้อมนำเสนอสินค้าใกล้เคียง (Sub-categories / Cross Categories) อาทิ น้ำหอมหรืออุปกรณ์เสริมในการแต่งหน้าแต่ละขั้นตอน  

นายธีรพล ไทยหิรัญ Head of Data & Insight กล่าวว่า “The 1 เป็นผู้บุกเบิกสำคัญรายแรกๆ ของไทยในการนำ Big Data มาใช้ในการทำความเข้าใจผู้บริโภคเพื่อสนับสนุนธุรกิจของเครือเซ็นทรัลมาอย่างยาวนาน ด้วยวิสัยทัศน์องค์กรที่เล็งเห็นว่าการนำ Big Data มาใช้กับการทำธุรกิจให้เกิดประโยชน์ขึ้นได้จริงจะต้องประกอบไปด้วยสองส่วนสำคัญ อันได้แก่ ความเชี่ยวชาญด้าน Data ซึ่งประกอบไปด้วย Data Analytics and insights, Data Scientist, Data Engineer และ Data Management และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจและตัวผู้บริโภคของฝั่ง Business โดย The 1 มีความพร้อมอยู่เสมอที่จะนำ Big Data จากฐานสมาชิกกว่า 18 ล้านคน พร้อมด้วยการตั้งโจทย์การแก้ปัญหาทางธุรกิจอย่างตรงจุด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยนำเสนอภายใต้ The 1 Insight เป็นแนวทางให้แบรนด์ได้รู้ทันไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดาวน์โหลดแอป The 1 เพื่อติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทั้งบน App Store และ Play Store https://go.the1.co.th/UohD/78f4c04
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย เผยรายชื่อ 20 ร้านใหม่ จากทั้งหมด 156 ร้าน ที่ได้รับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ประจำปี 2568   สำนักพิมพ์แม่บ้าน
‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย เผยรายชื่อ 20 ร้านใหม่ จากทั้งหมด 156 ร้าน ที่ได้รับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ประจำปี 2568
เพื่อจุดกระแสความสนใจต่องานประกาศผลรางวัลดาวมิชลินซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน ศกนี้ มิชลินได้เผยรายชื่อร้านอาหารคุณภาพดีราคาย่อมเยาที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ (Bib Gourmand) ประจำปี 2568 รวมทั้งสิ้น 156 ร้าน ในจำนวนนี้เป็นร้านที่ติดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ครั้งแรก 20 ร้าน โดย 5 ร้านอยู่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ ที่คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2565 (The MICHELIN Guide Thailand 2025) ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก
ปลายปีนี้เติมเต็มความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ริมชายหาดอันเงียบสงบ ณ ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยาง บีช สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ปลายปีนี้เติมเต็มความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ริมชายหาดอันเงียบสงบ ณ ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยาง บีช
ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขปลายปี ท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลอันเงียบสงบ ณ ภูเก็ต แมริออท รีสอรืท แอนด์ สปา, ในยาง บีช รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาวที่ได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย เชิญคุณและครอบครัวร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขตลอดเดือนธันวาคมนี้ ด้วยกิจกรรมพิเศษมากมายในบรรยากาศริมทะเล ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำริมชายหาด กิจกรรมวันคริสต์มาสสำหรับครอบครัว หรือ บีชปาร์ตี้ในธีมนีออน ท่ามกลางวิวงดงามของทะเลอันดามัน