สารเสริมคุณภาพที่เรารู้จักกันอยู่ตอนนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สารเสริมคุณภาพที่ใช้ในการทำเค้กและขนมปัง เริ่มจากสารเสริมคุณภาพที่ใช้ในการทำเค้ก ดังนี้

สารเสริมคุณภาพ SP (Sponge Cake) กับ โอวาเลท (Ovalet) เป็นอีมัลซิไฟเออร์ทั้งคู่ ช่วยให้ส่วนผสมร่วมตัวกันดี แต่ผลของขนมจะต่างกันนิดหน่อย คือ โอวาเลทจะทำให้ขนมมีความชุ่มชื้นกว่าSP แต่ทั้งคู่ทำให้ขนมนุ่มดีอยู่ค่ะ แต่SPจะทำให้เค้กมีปริมาณมาก สารเสริมทั้งคู่นี้ใช้เพื่อเสริมคุณภาพให้กับขนมที่มีไข่เป็นโครงสร้างหลัก วิธีทำจะคล้ายกัน ต่างกันตรงที่อุณหภูมิของส่วนผสม SP ไข่อุณหภูมิห้อง นมอุ่น เนยอุ่น เป็นสูตรคิดค้นโดยญี่ปุ่น โอวาเลท ทุกอย่างต้องเย็น ไข่ นม ต้องเย็น เนยละลายแล้วต้องรอให้เย็นตัวลง เป็นสูตรของออสเตรเลีย

สารเสริมคุณภาพ E.C. 25 K เป็นสารเสริมคุณภาพที่ใช้สำหรับ เค้กเนยหรือเค้กที่มีส่วนผสมของไขมันเป็นหลัก มีลักษณะคล้ายมันหมูแข็ง สีเหลืองครีม ทำให้ส่วนผสมเนียนนุ่มเข้ากันดี เนื้อเค้กขึ้นฟู ในขั้นตอนการผสมส่วนผสมต่าง ๆ เช่น ไข่ นม เนย ต้องเย็นจัด เวลาผสมจะใช้วิธีการตีส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แต่ถ้าส่วนผสมดังกล่าวไม่เย็น จะทำให้เนื้อเค้กที่ตีออกมาขึ้นไม่ดีพอ

สารเสริมคุณภาพที่ใช้กับการทำขนมปัง มีดังต่อไปนี้ 
สารเสริมโดบริม คือ สารเสริมคุณภาพขนมปัง ชนิดผง ช่วยในการร่นระยะเวลาพักแป้งโด ให้ขนมปังมีรูปทรงสวยงามไม่ยุบตัวหลังจากอบแล้ว เนื้อขนมปังละเอียด โครงสร้างแข็งแรง ปริมาณในการใช้สารเสริมโดบริมในขนมปัง โดยใช้โดบริม 0.5 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักแป้ง เช่นแป้ง 1 กิโลกรัมต่อโดบริม 5 กรัม

สารเสริมเลซิเท็กซ์ คือ ผลิตภัณฑ์อีมัลซิไฟเออร์ ชนิดผง ช่วยทำให้กลูเต็นในแป้งแข็งแรง ช่วยเก็บความชุ่มชื้นไว้ในขนมปัง ทำให้ขนมปังนุ่ม สดใหม่ เนื้อขาวละเอียดเป็นใย ไม่ร่วน ปริมาณในการใช้สารเสริมเลซิเท็กซ์ โดยใช้เลซิเท็กซ์ 1.5เปอร์เซ็นต์ – 2 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักแป้ง เช่น แป้ง 1 กิโลกรัม ต่อ เลซิเท็กซ์ 15-20 กรัม เพื่อให้ได้ขนมปังที่ดีขึ้นแนะนำให้ใช้เลซิเท็กซ์ควบคู่กับสารเสริมโดบริม

สารเสริมบาคอม100 คือ สารเสริมคุณภาพขนมปัง มีลักษณะเป็นครีมเนย ช่วยซึมซาบเข้าไปในส่วนของขนมปังได่ดีกว่าชนิดผง ช่วยทำให้ขนมปังเก็บไว้ได้นานกว่าเดิมและช่วยปรับปรุงให้เนื้อขนมปังละเอียด นุ่ม และเป็นใย ทำให้เนื้อขนมปังหรือแป้งซาลาเปามีสีขาวน่าทานมากขึ้น